ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 ต.ค.64 ปิดที่ 1,624.31 จุด ลดลง 3.30 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 74,096.00 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 635.60 ล้านบาท หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด BANPU ปิด 11.10 บาท ลบ 0.50 บาท, GULF ปิด 44 บาท บวก 1.25 บาท, PTT ปิด 38.25 บาท ลบ 0.50 บาท, PTTEP ปิด 118.50 บาท ลบ 3 บาท, CBG ปิด 124 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท
หุ้นไทยถูกกดดันจากแรงขายหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง ขณะที่ยังมีแรงซื้อหุ้นรายตัวที่ก่อนหน้านี้ ราคาปรับตัวลงแรงเข้ามาช่วยพยุงตลาดไม่ให้ปรับตัวลงแรง
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า ตลาดการเงินโลกแกว่งผันผวน จากแรง Take Profit และความกังวลกับความขัดแย้งทางการค้า ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ราคา Commodity โลกปรับลงเกือบยกแผง กดดันหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี
ขณะที่ประชุม ศบค. ในวันที่ 29 ต.ค.64 มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาปรับพื้นที่สี และการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยไทยจะเริ่มเดินหน้าเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติจำนวน 46 ประเทศ ในวันที่ 1 พ.ย.64 หรือในอีก 3 วันนับจากนี้ การเปิดรับนักท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ส่งผลให้ภาครัฐเร่งเดินหน้าพิจารณาผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ภาคธุรกิจต่างๆได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศอย่างทั่วถึงมากขึ้น เพราะปัจจุบันสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวยังปิดอยู่ และยังห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เอเซียพลัสมองว่า ภาพรวมจะยังเป็นกระแสในเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Restart Economy ได้ เช่น AOT, MINT, CPN, CPALL, CRC, COM7, SPVI, HMPRO, DOHOME, MAJOR, MTC แต่ในระยะต่อไป ยังต้องติดตามต่อว่ากระบวนการเปิดประเทศจะราบรื่นหรือไม่ และการผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด
ปิดท้าย บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ หุ้น KEX ระบุคาดว่า รายได้ 3Q21F ของ KEX จะอยู่ที่ 5.38 พันล้านบาท (+20% YoY, +17% QoQ) สูงที่สุดในปีนี้ แต่ผลตอบแทนต่อชิ้น (ต้นทุนต่อพัสดุ) คาดว่าจะลดลงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรสุทธิคาดว่าจะลดลงเหลือ 5.4% ที่ 290 ลบ. เกือบจะถึงจุดต่ำสุด
แต่ยังคงแนะนำ “ซื้อ” จากการเป็นผู้นำตลาด, มาร์จิ้นที่จัดการได้ และการเพิ่มธุรกิจใหม่เพื่อปรับปรุงอัตรากำไรอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าเหมาะสมที่ 45 บาท!!
แหล่งข่าว ลุ้นคลายล็อกเพิ่ม!!, ไทยรัฐ, 29 ต.ค. 2564