ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ธ.ค.64 ปิดที่ 1,618.36 จุด เพิ่มขึ้น 9.08 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 69,263.88 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,454.04 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 137.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPALL ปิด 59 บาท ลบ 0.50 บาท, ADVANC ปิด 220 บาท บวก 9 บาท, AOT ปิด 62 บาท บวก 0.50 บาท, EA ปิด 83.75 บาท บวก 1.75 บาท
บล.เอเซียพลัสชี้ทิศทาง Fund Flow พร้อมไหลกลับเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงอีกรอบ เห็นได้จากตลาดหุ้นโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้นแทบทั้งสิ้น มีสาเหตุสำคัญคือความกังวล COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ผ่อนคลายลงหลัง AnthonyFauci ที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของทำเนียบขาวได้ระบุว่า “จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลว่า Omicron ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง” สอดคล้องกับ WHO ที่รายงานว่าผู้ติดเชื้อ Omicron ส่วนใหญ่แทบไม่มีอาการ และปัจจุบันยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากสายพันธุ์ Omicron
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังชัดเจน สะท้อนจากการค้าระหว่างประเทศของจีนเดือน พ.ย.64 ทั้งการส่งออก และนำเข้าล้วนขยายตัวดีกว่าคาด เป็นการตอกย้ำมุมมองว่าเศรษฐกิจโลกแนวโน้มฟื้นตัวต่อ ซึ่งไทยจะได้อานิสงส์ไปด้วย และสร้าง Sentiment บวกต่อหุ้นส่งออก เช่น TU, MCS, NER, SMT, KCE, SVI
จากเหตุผลทั้งหมดเชื่อว่าจะช่วยให้ Fund Flow ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ และคาดว่าตลาดหุ้นจะมีโอกาสได้ Sentiment บวกจากต่างประเทศไปด้วย
แต่ระยะกลาง-ยาว ยังมีความเสี่ยงอื่นที่ต้องคอยติดตาม นอกเหนือไปจากความเสี่ยง COVID-19 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน หลังรัสเซียเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนติดกับยูเครน และมีการซ้อมรบใกล้ชายแดนมากกว่าปกติ ส่งผลให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานาธิบดีรัสเซีย ต้องเจรจากันผ่าน VDO Conference ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นว่าควรมีการเจรจากันเพิ่มเติมต่อไป
รวมทั้งความไม่ลงรอยกันระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังสหรัฐฯประกาศไม่ส่งตัวแทนจากรัฐบาลเข้าร่วมงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่จะจัดขึ้น 4–20 ก.พ.65 ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อตอบโต้กรณีละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ซินเจียง ซึ่งท่าทีล่าสุดของสหรัฐฯที่มีต่อจีน ส่งผลให้บางประเทศเริ่มพิจารณาไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมงานตามด้วย เช่น ออสเตรเลียและญี่ปุ่น!!
แหล่งข่าว ลุ้น Fund Flow ไหลกลับ!!, ไทยรัฐ, 9 ธ.ค. 2564
