มากกว่าหนึ่งในสามใน S&P 500 เตรียมรายงานผลประกอบการรายไตรมาสในสัปดาห์หน้า อาทิ Apple, Microsoft, Amazon และ Google โดยหุ้นดังกล่าวต่างเพิ่มขึ้นในช่วง 5-7% ในเดือนนี้ ณ เวลาปิดของวันพฤหัสบดี ขณะที่ S&P 500 เพิ่มขึ้นเพียง 1.6%
ความแข็งแกร่งของหุ้นขนาดใหญ่เหล่านั้นเกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว ซึ่งช่วยผลักดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้ากำลังกระจายทั่วสหรัฐ แนวโน้มเศรษฐกิจได้รับความสนใจอย่างมากในการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในวันอังคารและวันพุธ
แม้ว่า S&P 500 จะอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังจากปรับตัวขึ้นมากกว่า 95% จากระดับต่ำสุดในเดือนมีนาคม 2563แต่หุ้นก็ยังต้องเผชิญกับความผันผวนมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
หุ้นเติบโตซึ่งเป็นผู้นำตลาดมานานหลายปี ขณะที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างเชื่องช้าได้แซงหน้าหุ้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอ่อนไหวในเดือนกรกฎาคม หุ้นขนาดเล็กซึ่งมีแนวโน้มที่จะเปิดรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากขึ้น ก็ถดถอยเช่นกันกับหุ้นกลุ่ม Small cap Russell 2000 ที่ลดลงกว่า 4% จนถึงเดือนนี้
Tim Skiendzielewski ผู้อำนวยการด้านการลงทุนของ Aberdeen Standard Investments กล่าวว่า “นักลงทุนต่างแสวงหาความปลอดภัยในหุ้น mega caps โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเทคโนโลยี mega cap”
ทั้งนี้ มูลค่าตามราคาตลาดของห้าบริษัท ได้แก่ Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet และ Facebook อยู่ที่ 24.6% ของมูลค่าตลาดของ S&P 500 ซึ่งเกือบจะเป็นสัดส่วนสูงสุดในปี 2564 หุ้นน้อยกว่าครึ่งใน S&P 500 ซื้อขายเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน แม้ว่าดัชนีจะใกล้ระดับสูงสุดใหม่
อนึ่ง บริษัท 120 ใน S&P 500 ที่รายงานจนถึงขณะนี้ ถูกคาดว่าผลประกอบการไตรมาสสองจะเพิ่มขึ้น 78.1% จากปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ที่ 65.4% เมื่อต้นเดือน ตามข้อมูลของ Refinitiv IBES
Anu Gaggar นักยุทธศาสตร์การลงทุนของ Commonwealth Financial Network กล่าวว่า "เราอาจไม่เห็นการเติบโตของรายได้ 70% มากนัก แต่ก็ยังคงสะท้อนถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ดี”
แหล่งข่าว Wall St Week Ahead Big tech companies retake market reins with earnings on tap โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
Last edited: