วอลล์สตรีทปิดย่อลงในวันอังคารหลังจากวันซื้อขายที่วุ่นวาย ขณะที่น้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 2% เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองและความคืบหน้าจากเฟด
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 0.19%, S&P 500 ลดลง 1.22% สู่ 4,356.45 และ Nasdaq Composite ลดลง 2.28%
การร่วงลงในวันอังคารต่อเนื่องจากการร่วงต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ โดย S&P เตรียมเข้าสู่การยืนยันปรับฐาน หากดัชนีปิดต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์10% หรือมากกว่านั้น
หุ้นโลกอยู่ในทิศทางร่วงลงมากที่สุดแบบรายเดือนสูงสุดนับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในเดือนมีนาคม 2020 ดัชนีหุ้นโลก MSCI ติดตามหุ้นใน 45 ประเทศ ลดลง 0.99%
ดอลลาร์และทองคำต่างทำกำไรเพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนหนีจากความเสี่ยง ขณะที่ ความกังวลในยุโรปตะวันออกทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นเช่นกันส่งผลให้สินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นมากกว่า 2% สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเบรนต์เพิ่มขึ้น 1.93 ดอลลาร์หรือ 2.2% ปิดที่ 88.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.29 ดอลลาร์หรือ 2.8% ปิดที่ 85.60 ดอลลาร์
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าวว่า "ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากตลาดน้ำมันที่ตึงตัวท่ามกลางสต็อกที่ตกต่ำอยู่แล้วและดูเหมือนอาจขาดแคลนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผู้ค้าพลังงานไม่ทราบว่าสถานการณ์ชายแดนยูเครน-รัสเซียจะคลี่คลายลงอย่างไร หรืออิหร่านจะสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ได้หรือไม่”
ในวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐถูกคาดว่าจะให้แนวทางนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น โดยนักลงทุนคาดว่าหากเศรษฐกิจยังคงสถานะแบบปัจจุบัน การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายน่าจะเริ่มครั้งแรกในเดือนมีนาคม ควบคู่กับการทำ QT
อัตราผลตอบแทน 10 ปีของสหรัฐเพิ่มขึ้นประมาณ 5 จุดพื้นฐานเป็น 1.7814% .
ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันพุธเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.06%
ทองคำสปอตเพิ่มขึ้น 0.25% สู่ระดับ 1,847.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แหล่งข่าว Wall Street ends lower, oil gains as investors await Fed โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
