ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันในวันอังคาร จากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพื่อคุมเงินเฟ้อ ดัชนี S&P 500 ร่วงลงมากกว่า 5% หลังจากถ้อยแถลงของพาวเวลล์ในวันศุกร์
ความต้องการแรงงานยังไม่มีสัญญาณของภาวะชะลอตัว โดยตำแหน่งงานว่างในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 11.239 ล้านในเดือนกรกฎาคม รายงานแยกต่างหากแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนสิงหาคม หลังจากที่ลดลงติดต่อกัน 3 เดือนติดต่อกัน “เฟดน่าจะต้องทำให้ตลาดแรงงานอ่อนตัวลงก่อน แล้วอุปสงค์จะลดลง" Ken Polcari หุ้นส่วนผู้จัดการของ Kace Capital Advisors กล่าว
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 308.12 จุดหรือ 0.96% อยู่ที่ 31,790.87 ดัชนี S&P 500 ลดลง 44.45 จุดหรือ 1.10% อยู่ที่3,986.16 และ Nasdaq Composite ลดลง 134.53 จุดหรือ 1.12% อยู่ที่ 11,883.14 จุด
จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กกล่าวเมื่อวันอังคารว่า ธนาคารกลางอาจจำเป็นต้องเห็นดอกเบี้ยนโยบายที่ราว 3.5% และน่าจะคงที่ระดับนั้นในปีหน้า อย่างไรก็ตาม ราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาเมืองแอตแลนต้ากล่าวในบทความที่ตีพิมพ์เมื่อวันอังคารว่าเฟดสามารถ "กลับลำได้" หากข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหม่สะท้อนว่าเงินเฟ้อลดลง "ชัดเจน" แล้ว ทั้งนี้ ตลาดกำลัง price in โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ย 75 จุดถึง 74.5%
ดัชนี S&P 500 ทั้ง 11 กลุ่มอยู่ในแดนลบ โดยภาคพลังงานลดลงสูงสุดที่ 3.36% จากราคาน้ำมันที่ตกลงมากกว่า 5% จากความกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับในกลุ่มบิคเทค โดย Microsoft Corp ร่วงลง 0.85% และ Apple Inc ร่วงลง 1.53% ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ร่วงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันแล้ว โดยเฉพาะ S&P 500 ที่ร่วงต่ำกว่าระดับ Fibonacci retracement 50% ในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่สำคัญอีกตัวที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นแนวรับ
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือที่รู้จักในชื่อตัวชี้วัดความกลัวของวอลล์สตรีท ปรับตัวขึ้นเป็นช่วงที่สามติดต่อกันและแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 27.69 จุด
แหล่งข่าว Wall St closes down for 3rd straight session on Fed rate hike worry โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
