ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทปิดลงในวันพฤหัสบดี ดัชนี Nasdaq ลดลง 2% จากแนวโน้มเหยี่ยวที่ยาวนาน ขณะที่แนวโน้มที่ตกต่ำของการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้ความเชื่อมั่นลดลงในวงกว้าง ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ร่วงหนักที่สุดในตลาด
ประมาณการขั้นสุดท้ายของ GDP สหรัฐในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 3.2% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าประมาณการครั้งก่อนที่ 2.9% กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยการยื่นขอสวัสดิการว่างงานของรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 222,000 ราย
Matt Stucky ผู้จัดการพอร์ตอาวุโสของ Mutual Wealth Management Company กล่าวว่า "เรากำลังก้าวผ่านหนึ่งในความกังวลครั้งใหญ่ของปี 2022 ซึ่งก็คือภาวะถดถอยที่อาจเกิดในสหรัฐและลามไปทั่วโลกจากการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่อาจลามไปถึงปี 2023"
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 348.99 จุด หรือ 1.05% อยู่ที่ 33,027.49 จุด ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 56.05 จุด หรือ 1.45% อยู่ที่ 3,822.39 และดัชนี Nasdaq Composite ร่วงลง 233.25 จุด หรือ 2.18% อยู่ที่ 10,476.12 จุด
ดัชนี S&P 500 อยู่ทิศทางการลดลง 19.8% ต่อปี ซึ่งนับเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกตั้งแต่ปี 2008 ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor ปิดลง 4.3% หลังจากร่วงลงมากถึง 6% ในช่วงก่อนหน้า
หุ้นของ Tesla Inc ร่วงลง 8.9% หลังจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มข้อเสนอส่วนลดสำหรับรถยนต์รุ่นที่ออกในสหรัฐท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลง
CarMax Inc ทรุดลง 3.7% หลังจากผู้ค้าปลีกรถยนต์หยุดซื้อหุ้นคืนชั่วคราวหลังจากผลกำไรลดลง 86% แบบรายไตรมาส
หุ้น AMC Entertainment Holdings Inc ร่วงลง 7.4% หลังจากเครือข่ายโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกล่าวว่าจะระดมทุน 110 ล้านดอลลาร์ผ่านการขายหุ้นบุริมสิทธิ
S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 52 สัปดาห์ 1 จุด และจุดต่ำสุดใหม่ 23 จุด Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 79 จุดและต่ำสุดใหม่ 405 จุด
แหล่งข่าว Wall Street tumbles on rate, recession worries, bleak chipmaker outlook โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
