Jettarin.Su
Moderator
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา AstraZeneca ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมของสหราชอาณาจักรที่ร่วมมือกับ Oxford เผยว่า ผลการทดลองวัคซีนในเฟส 3 ปรากฏว่า วัคซีนป้องกันโควิดของพวกเขาสามารถป้องกันไวรัสได้ถึง 70.4% โดยเฉลี่ยจากการทดลองวัคซีนผ่านวิธีการให้วัคซีนสองแบบ ดังนี้
1) การฉีดวัคซีนครึ่งโดสแล้วฉีดตามอีก 1 โดสหลังจากฉีดครั้งแรก 1 เดือน ซึ่งให้ผล 90%
2) การฉีดวัคซีน 1 โดสแล้วฉีดตามอีก 1 โดสหลังจากฉีดครั้งแรก 1 เดือน ซึ่งให้ผล 62%
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ Pfizer-BioNTech และ Moderna ประกาศว่าสามารถพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพประมาณ 95%
พัฒนาการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยยุติการแพร่ระบาดของไวรัสที่มีคาดชีวิตแล้วกว่า 1.3 ล้านคนทั่วโลก
ทั้งนี้ AstraZeneca เตรียมการส่งข้อมูลตามกฎข้อบังคับไปยังหน่วยงานด้านสุขภาพทั่วโลกทันทีเพื่อขอรับการอนุมัติในชั้นแรก
อย่างไรก็ตาม ประเด็นการขนส่งวัคซีนและการแจกจ่าย ตลอดจนการเข้าถึงยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย
AstraZeneca กล่าวว่า วัคซีนจะต้องถูกจัดเก็บในการแช่เย็นที่ 36-46 องศาฟาเรนไฮต์ เป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือนภายใต้สถานพยาบาล ซึ่งบริษัทสามารถผลิตวัคซีนได้กว่า 3,000 ล้านโดสในปีหน้า
ในด้าน Moderna กล่าวว่า วัคซีนสามารถเก็บในอุณหภูมิที่คงที่ของตู้เย็นในบ้านได้นานถึง 30 วัน และสามารถเก็บไว้ได้นานถึง 6 เดือนที่อุณหภูมิติดลบ 4 องศาฟาเรนไฮต์ โดยคาดการณ์ว่า ราคาวัคซีนจะอยู่ที่ 32-37 ดอลลาร์ต่อเข็ม
นอกจากนี้ Pfizer และ BioNTech เผยว่า วัคซีนจะต้องจับเก็บในอุณหภูมิที่ติดลบ 94 องศาฟาเรนไฮต์ และต้องใช้อุปกรณ์จัดเก็บและการขนส่งพิเศษ โดยคาดการณ์ว่า ราคาจะอยู่ที่ 20 ดอลลาร์ต่อเข็ม
แหล่งข่าว Oxford-AstraZeneca Covid vaccine shows an average 70% effectiveness in preventing the virus โดย CNBC
แปลโดยทีม TradersThailand