นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กลุ่มยานยนต์ขอติดตามการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 ในประเทศ ที่มีคลัสเตอร์ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ว่าจะกระทบต่อแผนการผลิตยานยนต์ มากน้อยเพียงใด หากไม่กระทบมาก เดือน ก.ค.นี้ อาจปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ใหม่จากเดิม ที่วางแผนไว้ว่าจะผลิตได้รวม 1,500,000 คัน เป็น 1,550,000-1,600,000 คันหรือเพิ่มขึ้นอีก 50,000-100,000 คัน เนื่องจากพบว่าสัญญาณการส่งออกยานยนต์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง “เป้าหมายที่วางไว้ปีนี้คือการผลิตทั้งปี 1,500,000 คัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 750,000 คันและเพื่อส่งออก 750,000 คัน แต่ล่าสุดพบว่าการผลิตในประเทศทำได้ตามเป้า แต่การส่งออกมีโอกาสเกินเป้าไปสู่ระดับ 800,000-850,000 คัน”
สำหรับการผลิตรถยนต์ทั้งหมด (ทุกประเภท) เดือน พ.ค.64 มีจำนวนรวม 140,168 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ค.63 ถึง 150% มาจากการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 126% และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น 193% จากฐานข้อมูลปี 63 ต่ำ เพราะมีการล็อกดาวน์เดือน เม.ย. 63 และห้ามจัดงานมอเตอร์โชว์ ทำให้สต๊อกรถยนต์ในโชว์รูมยังมีที่รอการจำหน่ายจำนวนมาก ขณะที่รถยนต์ที่ผลิตได้ 5 เดือนแรกปีนี้ มี 710,356 คัน เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน โดยการผลิตเพื่อส่งออกเดือน พ.ค.มี 81,284 คัน เพิ่มขึ้น 126% จากปี 63 ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศผลิตได้ 58,884 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 193% ขณะที่ ยอดขายรถยนต์ในประเทศ พ.ค.มี 55,942 คัน เพิ่มขึ้นจาก พ.ค.63 ที่ 38% และเป็นอัตราที่ลดลงจากเดือน เม.ย.64 คิดเป็น 3% เพราะการระบาดระลอก 3 ทำให้ คนกังวลรายได้ในอนาคตรวมทั้งสถาบันการเงินเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อด้วย
แหล่งข่าว สภาอุตสาหกรรมฯ เพิ่มเป้าผลิตรถยนต์ขึ้นเป็น 1.6 ล้านคัน, ไทยรัฐ, 25 มิ.ย. 2564