สมาคมผู้ค้าปลีกไทย วอนรัฐดึงช้อปดีมีคืนมาใช้ คาดเงินสะพัด 3-4 แสนล้าน

WealthUp

Moderator
Staff member
Optimized-15.JPG

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 64 นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ในช่วงเริ่มต้นของโค้งสุดท้ายของปี 64 เราเห็นการออกมาจับจ่ายใช้สอยของผู้คนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเร่งเดินหน้าผลักดันมาตรการต่างๆ

ทั้งนี้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างจริงจังและเร่งด่วน ซึ่งช่วงสิ้นปีถือเป็นไตรมาสที่สำคัญที่สุดในการเร่งฟื้นฟู รวมทั้งเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะปลุกมู้ดให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยให้สะพัดขึ้นภายในประเทศ และผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงในโครงการช้อปดีมีคืน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้มีการเสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย และมีข้อเสนอให้นำช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้งในปีนี้ โดยได้มีหนังสือถึงรัฐบาลในเดือน ก.ค. 64 และจากข่าวของคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่สนับสนุนให้มีการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย จึงขอเสนอให้รัฐนำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้ในโค้งสุดท้ายของปี 64 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. ระยะเวลาตั้งแต่ 15 พ.ย. - 31 ธ.ค. 64 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 64
2. กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7 - 4.0 ล้านคนทั่วประเทศ โดยไม่มีการจำกัดเงื่อนไขและไม่จำกัดสิทธิ์กลุ่มที่เคยลงทะเบียนในมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาล อาทิ คนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 - 2.0 ล้านคน
3. ขยายวงเงินเป็น 200,000 บาท จากเดิม 30,000 บาท (ในปี 63) คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 3 - 4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นถึง 0.7 - 1.0%

ทั้งนี้ ช้อปดีมีคืน เป็นโครงการที่สามารถอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมูลค่าสูงที่สุด โดยสามารถสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้คนได้ตรงจุดในระยะเวลาอันสั้น โดยรัฐบาลใช้งบประมาณเพียง 15,000 - 20,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าลดหย่อนภาษี จึงถือเป็นบาซูก้าทางการคลังที่สามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้อย่างมหาศาลในระยะเวลาอันรวดเร็ว และใช้งบประมาณเพียงเล็กน้อย

โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทยเชื่อว่าช้อปดีมีคืนเป็นไม้ตายสุดท้ายของปีนี้ที่จะเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วน สร้างเม็ดเงินไหลเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย การกระตุ้น Local Consumption ผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงให้จับจ่ายใช้สอยจะเป็นกุญแจสำคัญและเป็นการเพิ่มเม็ดเงินโดยทันที เพราะเราไม่สามารถรอรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเข้ามาในประเทศได้ไม่เต็มที่ โค้งสุดท้ายของปีนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และเป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนที่สุด.

แหล่งข่าว สมาคมผู้ค้าปลีกไทย วอนรัฐดึงช้อปดีมีคืนมาใช้ คาดเงินสะพัด 3-4 แสนล้าน, ไทยรัฐ, 9 พ.ย. 2564


 

Members online

No members online now.

Forum statistics

Threads
12,180
Messages
12,435
Members
319
Latest member
SEO01

สนับสนุนโดย

Top