นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า จากการติดตามและประเมินผลกระทบจากการสู้รบระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ที่ยังไม่เห็นว่าจะยุติลงเมื่อใด โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นถึง กว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลายตัวปรับราคาขึ้นสูงขึ้น รวมถึงค่าระวางเรือที่ปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน และ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจเริ่มมีผล โดยจะเห็นผลชัดมากขึ้นในช่วงต้นเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นผลจากราคาวัตถุดิบที่ส่งผลต่อต้นทุนแต่ราคาขายไม่สามารถที่จะปรับขึ้นได้ตามต้นทุนที่แท้จริงทั้งและต่างประเทศ สุดท้ายปริมาณคำสั่งซื้อก็จะลดลง และเมื่อเราไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้สิ่งที่ต้องทำคือ การลดปริมาณการส่งออก โดยการส่งออกในไตรมาส 2 จะไม่เติบโต แต่เลวร้ายที่สุดคือ ติดลบ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้หรือไม่ เพราะราคาน้ำมันมีความผันผวนมาก สถานการณ์ไม่รู้ว่าจะออกไปแนวไหน
ผู้ประกอบการรายเริ่มแสดงความกังวลมากขึ้น เพราะราคาวัตถุดิบปรับขึ้นมากอย่างมีนัยะสำคัญ ตั้ง 20 % 30 % จนกระทั่งไปถึง 50 % เช่น อาหารสัตว์ แร่หายาก ไม่ว่าจะเป็นเพลทตินัม นิกเกิล พาราเดียม เป็นต้น รวมไปถึงการขาดแคลนวัตถุดิบก็จะตามมาในระยะถัดไปจากนี้ ประกอบกับภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทั่วโลกทำของแพงไปทั่วโลกก็จะส่งผลต่อกำลังซื้อทำให้ปริมาณการส่งออกของไทยลดลงแน่นอน
ส่วนการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดเจรจากับทางการจีนเปิดเส้นทางรถและทางราง เพื่อขนส่งสินค้าของไทยผ่านแดนจีนไปยังเอเชียกลาง และยุโรป ภายหลังมีการปิดน่านฟ้าและท่าเรือบางท่านั้น โดยเส้นทางคือ จากไทยไปจีนแล้วต่อไปทางยุโรป และสามารถเชื่อมต่อไปยังรัสเซียได้ ซึ่งขณะนี้ติดปัญหาเรื่องของการส่งสินค้าผ่านแดน แม้ว่าจีนจะเป็นสมาชิกของดับบลิวทีโอแต่เราต้องขออนุญาตจีนในการนำสินค้าผ่านแดนไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งจีนก็มีขั้นตอนระเบียบ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถใช้เส้นทางนี้ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาระยะสั้นๆในช่วงนี้
แหล่งข่าว สรท.ประเมินสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำส่งออกไทยปี65 โตแค่ 5%, bangkokbiznews, 16 มี.ค. 2565