เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แหล่งข่าวระบุว่า มีการนำเรือบรรทุกน้ำมันที่ติดธงชาติสหรัฐฯ ซึ่งสามารถเดินทางได้ตามไปชายฝั่งได้เพื่อขนบรรทุกน้ำมันไปยังสหรัฐฯที่กำลังเผชิญกับอุปทานที่ขาดแคลน
สถานการณ์ดังกล่าวมาจากท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ Colonial ต้องหยุดการดำเนินงานเนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์ที่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ภายหลังบริษัทจะยืนยันว่าจะสามารถกลับมาดำเนินงานบางส่วนได้ในวันพุธ ขณะที่ ส่วนที่เหลืออาจต้องใช้เวลาอีกหลายวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมัน ณ สถานีจำหน่ายน้ำมันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเนื่องจากผู้ขับขี่เริ่มกักตุน
หนึ่งในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนคือการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางเรือจากโรงกลั่นบนชายฝั่งอ่าว โดยเรือจะสามารถบรรทุกน้ำมันไปยังเมืองและรัฐต่างๆ บนชายฝั่งตะวันออก ทั้งนี้ เรือดังกล่าวจะต้องติดธงสหรัฐฯ ถึงจะได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติ Jones Act ผู้บริหารบริษัทขนส่งน้ำมันและแหล่งข่าวเผยว่า การบรรทุกน้ำมันครั้งนี้ใช้เรือที่ติดธงชาติสหรัฐฯ ประมาณ 60 ลำ
โฆษกของบริษัทขนส่งของ Overseas Shipholding Group Inc กล่าวว่า เรือบรรทุกน้ำมันที่ไม่ได้ใช้งานจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 วันในการนำกลับมาใช้อีกครั้ง นั่นหมายความว่าอาจมีทางออกหากสถานการณ์ข้างต้นยืดเยื้อ
ในด้าน รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาที่จะยกเว้นระเบียบในพระราชบัญญัติ Jones Act ภายใต้มาตรการฉุกเฉินอำนวยความสะดวกในการเดินเรือมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการละเว้นข้อกำหนดในพระราชบัญญัติ Jones Act แต่มีท่าเรือเพียงไม่กี่แห่งในภูมิภาคที่สามารถรองรับเรือบรรทุกขนาดใหญ่ได้ เช่น ฟลอริดาและสะวันนา และจอร์เจีย หลังจากนั้นจะต้องขนย้ายน้ำมันไปยังพื้นที่ที่มีความต้องการ
ขณะที่ ซัพพลายเออร์ต้องการที่จะนำเรือจากยุโรปเข้าสู่ท่าเรือนิวยอร์กเนื่องจากมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีกว่าท่าเรือแห่งอื่นแม้จะต้องใช้เวลาในการเดินทางอย่างมากเพื่อมาถึงท่าเรือและส่งต่อไปยังพื้นที่ที่ต้องการอีกต่อหนึ่งก็ตาม
แหล่งข่าว U.S. fuel supply response slowed by mothballed oil tankers โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand