นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คาดดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (15-19 มี.ค.2564) จะไซด์เวย์ในกรอบ 1,550-1,585 จุด เนื่องจากมีปัจจัยที่ยังไม่แน่นอนที่จะมีผลกดดัน โดยปัจจัยที่ให้น้ำหนักมากที่สุด คือการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยนักลงทุนรอดูปัจจัยดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวคาดเฟดจะยังใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินผ่านการตรึงดอกเบี้ยในระดับต่ำ และยังคงการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE)
ส่วนปัจจัยถัดมาเป็นปัจจัยในประเทศ โดยจะต้องจับตาการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่าจะยังคงจะผ่อนคลายล็อกดาวน์เพิ่มในวันที่ 1 เม.ย.นี้หรือไม่ หลังจากที่พบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคลัสเตอร์ใหม่ที่ตลาดบางแค รวมถึงการระงับการฉีดวันซีนของบริษัท “แอสตร้าเซเนก้า” ซึ่งอาจส่งผลต่อการพิจารณาเปิดประเทศอีกครั้ง
รวมถึงการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างชาติตามดัชนีฟุตซี่ (FTSE) จาก 2.3% เหลือ 2.25% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 3.5 พันล้านบาท โดยจะมีผล ณ ราคาปิดวันที่่ 19 มี.ค.2564 ซึ่งหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดที่นักลงทุนต่างชาติจะขายออกมา ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) ธนาคารทหารไทย (TMB) บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) และบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT)
แหล่งข่าว เกษตรกรคงไม่รวย จากพืชเศรษฐกิจ 'กัญชา', Bangkokbiznews, 16 มี.ค. 2564
ส่วนปัจจัยถัดมาเป็นปัจจัยในประเทศ โดยจะต้องจับตาการประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ว่าจะยังคงจะผ่อนคลายล็อกดาวน์เพิ่มในวันที่ 1 เม.ย.นี้หรือไม่ หลังจากที่พบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในคลัสเตอร์ใหม่ที่ตลาดบางแค รวมถึงการระงับการฉีดวันซีนของบริษัท “แอสตร้าเซเนก้า” ซึ่งอาจส่งผลต่อการพิจารณาเปิดประเทศอีกครั้ง
รวมถึงการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนต่างชาติตามดัชนีฟุตซี่ (FTSE) จาก 2.3% เหลือ 2.25% หรือคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 3.5 พันล้านบาท โดยจะมีผล ณ ราคาปิดวันที่่ 19 มี.ค.2564 ซึ่งหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดที่นักลงทุนต่างชาติจะขายออกมา ได้แก่ บมจ.ปตท. (PTT) ธนาคารทหารไทย (TMB) บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) และบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT)
แหล่งข่าว เกษตรกรคงไม่รวย จากพืชเศรษฐกิจ 'กัญชา', Bangkokbiznews, 16 มี.ค. 2564