หุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง แม้มีแรงขายในกลุ่มธนาคารฉุดตลาด จากการระบาดที่รุนแรงทำให้มีการตั้งสำรองสูงขึ้น แต่ยังมีปัจจัยบวกจากข่าววัคซีน Pfizer และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี และกลุ่มสื่อสาร ขณะที่หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้รับประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าหนุนตลาด
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 105 บาท ลบ 4 บาท, PTT ปิด 36 บาท บวก 0.25 บาท, AOT ปิด 58.25 บาท บวก 0.25 บาท, GPSC ปิด 79.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, ADVANC ปิด 177 บาท บวก 2.50 บาท
บล.เอเซียพลัสแนะนำหลบตลาดหุ้นที่เต็มไปด้วยความผันผวน ให้หันไปหาหุ้น Dividend ADVANC-MCS และหุ้น Defensive BDMS
ระบุว่าหุ้นไทยรีบาวด์ตามตลาดหุ้นโลกที่ฟื้นตัว รวมถึงอาจ มีแรง Cover Short จากต่างชาติบ้าง หลังจากต่างชาติขาย Short สัญญา SET50 Futures 3 วันติด สูงถึง 4.5 หมื่นสัญญา แต่ภาพตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะผันผวนจากปัจจัย COVID–19 ที่กลับมาระบาดทั้งในและต่างประเทศ
อีกทั้งปกติตลาดหุ้นในเดือน ส.ค. มักจะเป็นเดือนที่ผันผวนมาก โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี -1.2% (ต่ำสุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับเดือนอื่น) โดยเฉพาะเดือน ส.ค.56 ตลาดมีความกังวลประเด็น Tapering QE ปรับตัวลงถึง 9% ในเดือนเดียว
หนึ่งในกลยุทธ์รับมือกับความผันผวนที่ดีของตลาดคือ หุ้นปันผลสูง โดยหุ้นปันผลสูงมักจะ Outperform ตลาดได้ ในเวลาที่ตลาดหุ้นปรับฐาน แรงเสมอ ในอดีต SET Index ปรับฐานแรง 11 ครั้ง แต่ SETHD (ตัวแทนหุ้นปันผลสูง) ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าถึง 9 ใน 11 ครั้ง ขณะที่ปัจจุบันใกล้เข้าสู่ช่วงการจ่ายปันผลระหว่างกาลพอดี โดยปีที่แล้วมีบริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 146 บริษัท คิดเป็นสัดส่วนผลตอบแทนต่อ SET Index ราว 6 จุด ทำให้อาจเห็นการเข้าสะสมหุ้นปันผลมากขึ้นในช่วงนี้
แหล่งข่าว หลบความผันผวนเข้าหุ้นปันผล, ไทยรัฐ, 22 ก.ค. 2564