ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ก.ค.64 ปิดที่ 1,543.67 จุด ลดลง 32.93 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 110,954.67 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4.59 ล้านบาท กองทุนในประเทศขายสุทธินำ 1,863.99 ล้านบาท ตามด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 1,016.20 ล้านบาทแต่ต่างชาติขายสุทธิ 4.59 ล้านบาท ส่วนแรงย่อยสวนทางซื้อสุทธิ 2,884.78 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 111.50 บาท ลบ 5.50 บาท, PTT ปิด 37.25 บาท ลบ 1.50 บาท, PTTEP ปิด 114.50 บาท ลบ 4 บาท, BDMS ปิด 24 บาท บวก 0.50 บาท BANPU ปิด 13 บาท ลบ 0.40 บาท
หุ้นไทยร่วงแรงต่อเนื่อง นักลงทุนกังวลเรื่องการล็อกดาวน์และจำนวนผู้ติดเชื้อที่ทำนิวไฮต่อเนื่อง เทขายหุ้นออกมาหนัก กดดัชนีทรุด กังวลเศรษฐกิจชะลอตัวยาวฟื้นไม่ได้ กระทบกำไรบริษัทจดทะเบียนลดลง แต่หุ้นโรงพยาบาลดีดขึ้นสวนทาง ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง แตะ 32.4 บาท/ดอลลาร์ฯ กดดัน Foreign Fund Flows และราคาน้ำมันที่ร่วงแรง 2 วันติด
บล.ทิสโก้ มองตลาดอยู่ในช่วงปรับฐาน แนะจัดพอร์ต “ตั้งรับ” โดยหุ้นเด่นเดือน ก.ค. ที่แนะนำเน้นธีมหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการระบาด แนะนำ BCH และ BDMS และธีมหุ้นเกี่ยวข้องกับการส่งออกและได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อน ชอบ CBG, KCE, JWD, NYT รวมทั้งหุ้นปันผลดีอย่าง EASTW และ TVO
ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ชี้ว่าหากอิงจากการ Lockdown ที่ประกาศเมื่อ 24 มี.ค.63 หลังจากนั้น SET Index ฟื้นตัวกลับเร็ว 9% ใน 1 สัปดาห์ แต่ช่วงนั้นเป็นการฟื้นจากฐานที่ต่ำ และได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นต่างประเทศควบคู่ไปด้วย โดยหุ้นที่ฟื้นตัวเร็วกว่าตลาด คือ โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี สื่อสาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ บันเทิงและขนส่ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ประเมินว่ามีโอกาส Outperform
แหล่งข่าว หุ้นรูดผวาล็อกดาวน์, ไทยรัฐ, 09 ก.ค. 2564