ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงแทบทั้งหมด ขณะที่บอนด์ยีลด์ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังรายงานอุตสาหกรรมการบริการของสหรัฐออกมาในทิศทางหนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า ขณะที่เงินเยนญี่ปุ่นแตะระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี ดัชนีหลักในวอลล์สตรีทปิดลงจากการร่วงลงของดัชนีบิคเทคอย่าง Nasdaq
ผลสำรวจจากสถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) ระบุว่า อุตสาหกรรมบริการของสหรัฐปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม จากคำสั่งซื้อและการจ้างงานที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ปัญหาคอขวดด้านอุปทานและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง PMI ที่ไม่รวมภาคบริการของ ISM ขยับขึ้นเหนือคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 56.9
ธนาคารกลางยุโรปถูกคาดการณ์อย่างกว้างขวางว่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมนโยบายในสัปดาห์นี้ และตามด้วยการประชุมนโยบายของเฟดในวันที่ 21 กันยายน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ 3.336% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน โดยเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 2.516% เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 173.14 จุดหรือ 0.55% กลับไปที่ 31,145.3 ดัชนี S&P 500 ลดลง 16.07 จุดหรือ 0.41% อยู่ที่ 3,908 และ Nasdaq ลดลง 85.96 จุดหรือ 0.74% อยู่ที่ 11,544.911 ดัชนี STOXX 600 ทั่วยุโรปเพิ่มขึ้น 0.24% และดัชนีหุ้นโลก MSCI ลดลง 0.47%
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.6% ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าต่อเนื่อง และต่ำกว่าระดับที่เท่ากับดอลลาร์ที่ 0.9899 เยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 1.53% เทียบกับดอลลาร์ที่ 142.80 ต่อดอลลาร์
สเตอร์ลิง ซึ่งเป็นหนึ่งในสกุลเงินสำคัญที่อ่อนค่ามากที่สุดในโลกในเดือนที่แล้ว ขยับขึ้นหลังการขึ้นดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่าง Liz Truss ซึ่งตลาดคาดหวังถึงมาตรการสนับสนุนด้านพลังงาน สเตอร์ลิงซื้อขายล่าสุดที่ 1.1516 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.03% ในวันเดียวกัน
ในด้านพลังงาน น้ำมันปรับตัวลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย โดยน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ 92.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 2.91 ดอลลาร์หรือ 3% น้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐร่วงลงจากวันจันทร์มาที่ 86.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทองคำสปอตลดลง 0.6% สู่ระดับ 1,700.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แหล่งข่าว Stocks fall, yields rise as investors weigh rate hike expectations โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
