หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด STECH ปิด 3.28 บาท บวก 0.50 บาท, KBANK ปิด 105.50 บาท ลบ 1.50 บาท, PTT ปิด 35.75 บาท ลบ 0.50 บาท, BANPU ปิด 13.40 บาท ลบ 0.20 บาท, PSL ปิด 21 บาท บวก 1.40 บาท
หุ้นไทยปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นถึงหลักหมื่นต่อเนื่องหลายวัน ขณะที่ใกล้ช่วงวันหยุดยาว ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งชะลอการลงทุน
บล.เอเซียพลัส ระบุว่าสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจต่างๆ เริ่มทยอยปรับลดประมาณการ GDP ไทยปี 64 ต่อเนื่อง จนอยู่ในระดับ 1% จากผลกระทบของการระบาด COVID-19 และการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจผ่านการ Lockdown ล่าสุด ธปท. คาด ประมาณการ GDP ของ ธปท. ที่ 1.8% เมื่อ มิ.ย. มี Downside ชัดขึ้น เนื่องจากยังไม่รวมผลกระทบจากการระบาดรอบปัจจุบัน โดย ธปท.ประเมินการระบาดรอบปัจจุบัน แยกเป็น 2 กรณี
1.Upper case : ไทยคุมการระบาดได้ 40%, ผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง ส.ค.64 และวัคซีน mRNA มาตามกำหนด แต่วัคซีน Astrazeneca ล่าช้า และภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดช่วง 4Q65 2. Lower case : ไทยควบคุมการระบาดได้ 20%, การ Lockdown จะยืดเยื้อไปถึง 4Q64 และวัคซีนทั้ง mRNA และ Astrazeneca ล่าช้า และภูมิคุ้มกันหมู่อาจเกิดไม่ทันปี 65
สมมติฐานของทั้ง 2 กรณี ส่งผลให้ประมาณการ GDP 1.8% มี Downside ราว -0.8% สำหรับ Upper case และ -2% สำหรับ Lower case
โดยสรุป ประเมิน Downside ของ GDP ที่เกิดขึ้นค่อนข้างชัดเจน ส่งผลให้ Consensus มีโอกาสปรับลดประมาณการ GDP ลงได้อีก เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะเป็นแรงกดดันให้หุ้นไทย Underperform ต่อไปอีกระยะ โดยเฉพาะกลุ่มที่เผชิญผลกระทบสูง เช่น ท่องเที่ยว, ขนส่ง, ค้าปลีก, ก่อสร้าง, บันเทิง, ศูนย์การค้า เป็นต้น
แหล่งข่าว หุ้นหลบภัยโควิด!!, ไทยรัฐ, 24 ก.ค. 2564