หุ้นเอเชียผันผวนในวันจันทร์นี้ก่อนการประชุมนโยบายธนาคารกลางหลายแห่งจะมาถึงในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานการจ้างงานและค่าจ้างของสหรัฐ
การเปิดพรมแดนในจีนยังช่วยหนุนแนวโน้มเชิงบวกในเอเชียอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี MSCI หุ้นเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 11% และอยู่ทิศทางที่จะทำระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน ดัชนี Nikkei ปิดย่อลงเล็กน้อย ขณะที่ไต้หวันพุ่งขึ้น 3.1% หนังสือพิมพ์ Nikkei รายงานว่า Renault จะลดปริมาณการถือหุ้นใน Nissan ลงเหลือ 15%
ดัชนีบลูชิปของจีนเพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากช่วงวันหยุดยาว ปักกิ่งรายงานการเดินทางท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนภายในประเทศจีนเพิ่มขึ้น 74% จากปีที่แล้ว
สัญญาฟิวเจอร์สดัชนี S&P 500 และสัญญาฟิวเจอร์ส Nasdaq ปรับลดลง 0.3% ขณะที่สัญญาฟิวเจอร์สดัชนี EUROSTOXX 50 และสัญญาฟิวเจอร์ส FTSE ลดลง 0.2%
นักลงทุนคาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25 จุดในการประชุมนโยบายที่จะถึง ขณะที่ด้านธนาคารอังกฤษและธนาคารกลางยุโรปคาดจะขึ้นที่ 50 จุด ซึ่งหากมีเซอร์ไพร์สนอกเหนือคาดการณ์ตลาด อาจทำให้และการเบี่ยงเบนใด ๆ จากสคริปต์ดังกล่าวจะสร้างความตกใจอย่างมาก
การแรลลี่ของวอลล์สตรีทที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับรายงานผลประกอบการของ Apple Inc, Amazon.com, Alphabet Inc และ Meta "Apple จะสะท้อนอุปสงค์ในภาพรวมทั่วโลกและภาพรวมของปัญหาห่วงโซ่อุปทานของจีนที่เริ่มลดลงอย่างช้าๆ" นักวิเคราะห์จาก Wedbush เสริมว่า "จากการตรวจสอบปัญหาห่วงโซ่อุปทานในเอเชียล่าสุดของเรา เราเชื่อว่าความต้องการ iPhone 14 Pro จะแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้"
ดัชนีดอลลาร์ร่วงลง 1.6% สู่ระดับ 101.790 เงินยูโรพุ่งขึ้น 1.5% ในเดือนมกราคมอยู่ที่ 1.0878 ดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินเยนดอลลาร์อยู่ที่ 129.27 การอ่อนค่าของดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงที่ผ่านมา หนุนทองคำขึ้น 5.8% ในเดือนนี้ ล่าสุดราคาอยู่ที่ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตลาดน้ำมันเต็มไปด้วยความกังวล โดยเบรนต์ปิด 11 เซนต์ที่ 86.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3 เซนต์อยู่ที่ 79.65 ดอลลาร์
แหล่งข่าว Asia shares turn cagey as rate hikes, earnings loom โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
