ดัชนี MSCI หุ้นเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นลดลง 0.82% ต่อเนื่องจากเซสชั่นก่อนหน้าหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของจีน ขณะที่ Nikkei ร่วง 0.89% หลังจากที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 31 ปี
ภาคธุรกิจในจีนกำลังเผชิญกับผลกระทบของการล็อกดาวน์หลังการระบาดของโควิด-19 กลับมา และปัญหาคอขวดด้านอุปทาน ตลอดจนต้นทุนวัตถุดิบที่สูง
ยอดค้าปลีกเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 และไม่เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่อ่อนแอลงจากเดือนก.ค. ตอกย้ำสัญญาณชะลอตัวในจีน และทำให้เกิดความต้องการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า บลูชิปจีนร่วงลง 0.73%
ดัชนีฮ่องกงร่วงลง 0.87% หุ้นของ Wynn Macau ณ จุดหนึ่งลดลงมากกว่า 30%
ตลาดยังคงให้ความสำคัญกับไทม์ไลน์การทำ Taper ของเฟด “ตลาดมีความไม่แน่นอนในขณะนี้ เนื่องจากนักลงทุนรอดูว่าธนาคารกลางสหรัฐจะทำอะไรซึ่งขึ้นอยู่กับสถานะของตลาดแรงงานและสถานการณ์เงินเฟ้อ” Sean Debow CEO ของ Eurizon Asset Management กล่าว
ดัชนี CPI ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 6 เดือน บ่งชี้ว่าเงินเฟ้ออาจเลยจุดสูงสุดไปแล้ว และหมายความว่าเฟดจะอยู่ภายใต้แรงกดดันที่น้อยลงที่ในการปรับลด QE ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงต่ำสุดที่ 1.263% ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. อัตราผลตอบแทนฟื้นตัวเล็กน้อยในเอเชียเมื่อวันพุธที่ 1.285% ขณะที่ เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่า
ผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 1 ใน 10 ของการสำรวจผู้จัดการกองทุนรายเดือนของ Bank of America คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะแข็งแกร่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยการแพร่ระบาดของไวรัสเป็นปัจจัยหลักในมุมมองเชิงลบดังกล่าว
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจากการเบิกจ่ายสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ลดลงเกินคาด โดยน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.51% ที่ 70.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 0.46% เป็น 73.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำสปอตซื้อขายที่ 1802.0374 ดอลลาร์ต่อออนซ์ปิดลง 0.12% โดยแตะระดับสูงสุดในสัปดาห์ที่ 1,808.50 ดอลลาร์จากแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
แหล่งข่าว Asian stocks stumble as weak China data fan global growth worries โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand