Jettarin.Su
Moderator
หุ้นในเอเชียปรับตัวขึ้นในวันพุธติดตามการเพิ่มขึ้นของวอลล์สตรีทจากความคาดหวังต่อวัคซีน ขณะที่ อุปทานที่ตึงตัวทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปี
ดัชนี MSCI หุ้นเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.61% ขณะที่ Nikkei 225 ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 1.12%
หุ้นจีนเพิ่มขึ้น 0.07% ขณะที่ KOSPI ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 1.05% S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 0.18%
หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ขยับขึ้น 0.18% ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ 10 ปี pull back จากระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปี
ฟิวเจอร์ส Euro Stoxx 50 ลดลง 0.03% ฟิวเจอร์ส DAX ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.03% และฟิวเจอร์ส FTSE ของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 0.18% สะท้อนถึงการค้าในยุโรปที่ซบเซาลง
นักลงทุนวางเดิมพันภายใต้การบริหารงานของไบเดนซึ่งจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น ในวอลล์สตรีท ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.19% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.04% และดัชนี Nasdaq Composite เพิ่ม 0.28%
น้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.13% สู่ระดับ 53.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. หลังจากที่ปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงเกินคาดการณ์ ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 1.27% สู่ 57.30 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากซาอุดิอาระเบียที่ประกาศแผนลดกำลังการผลิตลงอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม
สมาชิกพรรครีพับลิกันอย่างน้อยสามคนกล่าวว่าจะเข้าร่วมพรรคเดโมแครตในการลงคะแนนในการฟ้องร้องโดนัลทรัมป์ในข้อหาปลุกระดมการจลาจลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลง 1.1240% ในวันพุธ หลังจากการประมูลธนบัตร 10 ปีใหม่ได้รับการตอบรับอย่างดี ทั้งนี้ กราฟที่พุ่งขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2560 จากความหวังการกระตุ้นครั้งใหญ่ลดระดับมาอยู่ที่ 97.5 จุด
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันพุธเนื่องจากอัตราผลตอบแทนสหรัฐที่ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับเงินเยนค่าเงินดอลลาร์ลดลง 0.12% มาอยู่ที่ 103.65 ค่าเงินดอลลาร์ และขยับต่ำลงมาที่ 1.3683 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับปอนด์ นอกจากนี้ ราคาทองคำเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ 1,860.13 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ที่มารูปภาพ Kim Hong
แหล่งข่าว Asian equities, commodities gain on economic recovery trade โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand