ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 พ.ย.64 ปิดที่ 1,630.47 จุด ลดลง –1.22จุด มีมูลค่าซื้อขาย 67,908.26 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,576.33ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ ถึงค่าเงินบาทที่แนวโน้มยังแข็งค่า หนุน Flow ไหลเข้าไทยต่อ โดยระบุว่า ตลาดหุ้นโลก สหรัฐฯ, ยุโรปเริ่มชะลอการปรับขึ้น คาดว่าจะรอประกาศเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ต.ค.โดย Consensus คาดจะทรงตัวสูง 5% หลังก่อนหน้าหลายดัชนีตลาดหุ้นหลักๆทำ All time High ติดต่อกัน เอเซียพลัสประเมิน Trend หลักยังเป็นขาขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก อีกส่วนหนึ่งคือ Dollar Index ชะลอการแข็งค่า ล่าสุดพลิกกลับมาอ่อนค่าหลุด 94 จุด หนุนเงินบาทเดินหน้าแข็งค่าต่อ 3 วัน รวมราว 1.7% wtd ล่าสุด 32.73 บาท เอเซียพลัสประเมินTrend ช่วงสั้นจะแข็งค่าต่อ แนวรับถัดไปอยู่ที่ 32.3 บาท
เงินบาทที่แข็งค่า ผลจากความมั่นใจในการเปิดประเทศมีมากขึ้น จากตัวเลขผู้ติดเชื้อทรงตัวระดับต่ำ 1 หมื่นรายติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์และมีทิศทางขาลง ประกอบกับมีกระแสยารักษา COVID จาก Pfizer น่าจะบวกต่อภาคท่องเที่ยวไทย
โดยเงินบาทที่แข็งค่าเป็นบวกต่อ Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลเข้า โดยมีโอกาสทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามเงินบาทที่แข็งค่า ล่าสุด ณ 9 พ.ย.64 Flow ต่างชาติไหลเข้า 1.99 พันล้านบาท นับตั้งแต่ต้นเดือน–ปัจจุบัน 3.28 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่องมาถึง 4 เดือนติดต่อกัน) โดยรวมประเมินเป็นบวกต่อหุ้นไทย
หุ้นที่ได้ประโยชน์จากทิศทางเงินบาทแข็งค่า หลักๆคือกลุ่มที่เน้นการนำเข้า อาทิ TFG, TVO แต่แนะนำ TVO (FV@35.0) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายกากถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลือง ที่มีต้นทุนวัตถุดิบหลักคือเมล็ดถั่วเหลือง ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศถึง 90% ของต้นทุนถั่วเหลืองทั้งหมดในรูปสกุลเงินดอลลาร์จากสหรัฐฯ บราซิล และอาร์เจนตินา และยังได้ Sentiment บวกจากราคากากถั่วเหลืองที่ปรับขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังLaggard นับแต่ต้นปี-ปัจจุบันยังติดลบ 8.1% เทียบกับราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่ปรับขึ้นมา 51% ประเมินแนวรับ 30.75 บาท แนวต้านอยู่ที่ 33 บาท และถัดไป35บาท
กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า คือ กลุ่มที่มีหนี้สกุลต่างประเทศ อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, BGRIM, EGCO, PTT, PTTEP สายการบิน BA, AAV และหุ้นใหญ่ในดัชนี SET 50-100 เช่น BBL, KBANK,SCC, ADVANC เป็นต้น
แหล่งข่าว หุ้นได้ประโยชน์จากบาทแข็ง!!, ไทยรัฐ, 11 พ.ย. 2564