หุ้นไทยจะไปต่อไหม

WealthUp

Moderator
Staff member
6.JPG
ถึงแม้ SET Index ปรับลดลง 1.6% นับจากต้นปี แต่ถือว่าดีมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่ลดลงเฉลี่ย 20.6% และตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศ Emerging Markets ที่ลดลง 23.8% มีเพียง 10 ตลาดหุ้น ที่มีผลงานดีกว่าไทยในปีนี้

เหตุผลที่ทำให้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในขาลง มาจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ในสหรัฐฯ และยุโรป ส่งผลให้ทั้งเฟดและ ECB ต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังถูกบั่นทอนลงอีก จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งสุดในรอบ 20 ปี สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อกว่าคาด และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน ที่ซ้ำเติมภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ยังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย จากการที่เฟดอาจต้องขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 4.5 - 5.0% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้กลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2%
ภาวะ Inverted Yield Curve ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รุ่น 2 ปี และ 10 ปี ที่นานติดต่อกันหลายเดือน คือสัญญาณที่ชี้ชัดถึงความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นอกจากนั้น ยุโรปกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานที่น่าเป็นห่วง รวมทั้งทิศทางเศรษฐกิจจีนยังประเมินได้ยาก ตราบใดที่ยังไม่ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์

ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้นักลงทุนยังไม่รีบร้อนกลับเข้าตลาดหุ้น

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมตลาดหุ้นไทยยังยืนอยู่ได้ ทั้งที่เงินเฟ้อของไทยก็แตะระดับเกือบ 8% เงินบาทก็อ่อนสุดในรอบ 16 ปี และเศรษฐกิจไทยก็ขยายตัวแค่ 2.5% ในไตรมาสที่สอง
ปัจจัยสำคัญ นอกจากความมั่นคงโดยรวมของระบบเศรษฐกิจไทย คือ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและชะลอตัว และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว

กำไรสุทธิของบจ. ขยายตัวได้เกินคาดที่ 15% YoY ในไตรมาสสอง และเพิ่มขึ้นถึง 35% จากไตรมาสหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นกำไรรายไตรมาสที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และไม่ใช่แค่บริษัทในกลุ่มพลังงานเท่านั้นที่มีผลประกอบการที่ดี แต่เกือบทุกอุตสาหกรรมมีกำไรที่เติบโตขึ้น

การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และสร้างจุดขายให้ตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกับกองทุนต่างชาติ นับจากต้นปี เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแล้วถึง 158,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าซื้อรายปีที่สูงที่สุดใน 17 ปี แล้วแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป ?

ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น บวกกับปัจจัยเสี่ยงจำนวนมากอย่างในปัจจุบัน คงยากที่จะเห็นตลาดหุ้นไหนก็ตามให้ผลตอบแทนที่สูงเหมือนในภาวะปกติ แต่ผมเชื่อว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยยังเป็นขาขึ้นในระยะ 6 - 12 เดือนข้างหน้า ด้วยเหตุผลดังนี้

1. แม้เฟดจะเริ่มดูดเงินออกจากระบบผ่านการทำ QT แต่คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี กว่าที่สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิด กองทุนทั่วโลกยังจำเป็นต้องลงทุนในหุ้นเพื่อสร้างผลตอบแทน ผมเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงเป็น Safe Haven ของนักลงทุนต่างชาติ
2. เงินบาทน่าจะใกล้ Peak และมีโอกาสกลับมาแข็งค่า โดยได้อานิสงส์การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว บวกกับราคาน้ำมันดิบที่เริ่มเข้าสู่ขาลง ตลาดหุ้นไทยมักปรับตัวดีขึ้นในช่วงเงินบาทแข็งค่า
3.แนวโน้มเงินเฟ้อในประเทศยังไม่น่าห่วง เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และราคาพลังงานที่เริ่มลดลงช่วยลดแรงกดดันราคาสินค้าได้ระดับหนึ่ง
4. เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่เร่งขึ้นจาก 3.1% ในปีนี้ เป็น 4.1% ในปีหน้า ผลพวงจากภาคท่องเที่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวเกินเท่าตัว สวนทางกับเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
5. ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย ยังมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี และ Valuations ของตลาดหุ้นไทยที่ 13.7 เท่า (P/E ปี 2023) ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15 เท่า

แน่นอน ในภาวะแบบนี้ การลงทุนยังต้องทำด้วยความระมัดระวังสูง หุ้นที่น่าลงทุน คือหุ้นที่ปันผลสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น

แหล่งข่าว หุ้นไทยจะไปต่อไหม, bangkokbiznews, 21 ก.ย. 2565
 

Members online

No members online now.

Forum statistics

Threads
12,180
Messages
12,435
Members
319
Latest member
SEO01

สนับสนุนโดย

Top