อีวีเปลี่ยนโลก! จุดพลุหุ้น EA พุ่งติดจรวด

WealthUp

Moderator
Staff member
Optimized-12.jpg

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ซึ่งบรรยากาศโดยรวมน่าจะคึกคักขึ้น หลัง ศบค. ไฟเขียวให้จัดกิจกรรมต่างๆ ในคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ทั้งงานเคาท์ดาวน์ การสวดมนต์ข้ามปี ไปจนถึงอนุญาตให้ร้านอาหารขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และให้ลูกค้านั่งดื่มได้ถึงตี 1 ของวันที่ 1 ม.ค. 2565
ถือเป็นหนึ่งในของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมอบให้กับคนไทย หลังไม่สามารถจัดงานมา 2 ปี ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ทุกกิจกรรมต้องอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมเข้มงวดสูงสุด COVID-Free Setting เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดรอบใหม่

นอกจากนี้ นายกฯ สั่งการให้ทุกกระทรวงไปหาของขวัญให้ประชาชน โดยต้องนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. ในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ ซึ่งมีการคาดการณ์กันไว้หลายมาตรการ เช่น นำช้อปดีมีคืนกลับมาอีกครั้ง, มาตรการคนละครึ่ง เฟส 4 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ

โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการจัดงานมหกรรมลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

อีกหนึ่งมาตรการที่หลายคนรอลุ้นกันอยู่คือ การส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี ซึ่งจะต้องนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. ภายในเดือนนี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันทีในปี 2565 โดยจะทำเป็นแพ็กเกจชุดใหญ่ครอบคลุมทั้งซัพพลายเชนตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ

เบื้องต้นคาดว่าจะปรับลดทั้งภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต รวมทั้งมีเงินอุดหนุนเพิ่มเติมจากภาครัฐเพื่อดึงราคารถอีวีให้ถูกลงจะได้ดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น จากปัจจุบันราคารถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างสูงเฉลี่ยราวๆ 1 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตามกระแสข่าวที่ออกมามาตรการที่จะนำเสนอ ครม. จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม 1.กลุ่มราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จะลดภาษีศุลกากร หรือ ภาษีนำเข้าสูงสุด 80% และลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% จากปัจจุบัน 8% และยังมีส่วนลดที่ภาครัฐทำกับค่ายรถยนต์เพิ่มเติม รวมแล้วจะทำให้ราคารถลดลงราว 20%

2.กลุ่มราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป จะลดภาษีนำเข้าสูงสุด 20% และลดภาษีสรรพสามิตเหลือ 2% จากปัจจุบัน 8% แต่ไม่มีส่วนลดเพิ่มเติมจากภาครัฐ ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องรอดูว่ามาตรการออกมาจะตรงกับที่คาดการณ์กันไว้หรือไม่? และจูงใจแค่ไหน?

เพราะต้องยอมรับว่าหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้หลายคนยังลังเลที่จะซื้อรถอีวี คือ ราคาที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับความพร้อมของระบบโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะสถานีชาร์จที่อาจยังไม่ครอบคลุมมากพอ

ในมุมตลาดทุนปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนไทยหลายบริษัทสนใจลงทุนธุรกิจอีวี ตั้งแต่ตัวแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนซึ่งถือเป็นหัวใจของรถอีวี, แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์, ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ไปจนถึงการประกอบรถอีวีและสถานีชาร์จ

โดยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ของประเทศที่กระโดดลงสู่สนามอีวีและทำธุรกิจแบบครบวงจร ซึ่งล่าสุดได้คิฟออฟเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในพื้นที่อีอีซีเป็นที่เรียบร้อย โดยมีกำลังการเริ่มต้น 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ถือเป็นโรงงานที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยสามารถขยายกำลังการผลิตได้สูงสุดถึง 50 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี

ส่วนโรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบี จำกัด จะเปิดเดินสายการผลิตในเดือนม.ค. 2565 รองรับทั้งการผลิตรถยนต์ 4 ล้อ, 6 ล้อ, 10 ล้อ, รถบัสไฟฟ้า, รถเทเลอร์ มีกำลังการผลิต 6,000-8,000 คันต่อปี ใช้เป็นฐานการผลิตรถอีวีภายใต้แบรนด์ของบริษัทและรับจ้างผลิตให้กับลูกค้า ขณะนี้มีออเดอร์สั่งซื้อเข้ามาและเตรียมส่งมอบปีหน้าจำนวน 500 คัน นอกจากนี้ ตั้งเป้าขยายสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,000 สถานีในปีหน้า จากปัจจุบัน 500 สถานี มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ประมาณ 50%

ด้านราคาหุ้น EA เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พุ่งแรงติดจรวด ครองแชมป์หุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายและราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด หลังมีแหล่งข่าวออกมาเปิดเผยรายละเอียดมาตรการส่งเสริมรถอีวี
โดยปิดออลไทม์ไฮ 98 บาท ขยับใกล้ 100 บาทเข้ามาเรื่อยๆ ถือว่าสมราคาในฐานะผู้นำธุรกิจอีวีเมืองไทยที่มองการณ์ไกลกระโดดเข้ามาลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคตที่กำลังจะเปลี่ยนโลก
และหากย้อนไปดูตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้น EA โชม์ฟอร์มเทพ ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 100% จากราคาปิดปี 2563 ที่ 49.25 บาท นาทีนี้ใครที่กำลังลังเลต้องรีบตัดสินใจ ลองคิดวิเคราะห์ให้ดี ถ้ามองว่าธุรกิจอีวีจะจุดติด! จากบิ๊กแพ็กเกจของภาครัฐ ไม่ควรปล่อยให้ราคาหุ้นวิ่งไปไกลกว่านี้

แหล่งข่าว อีวีเปลี่ยนโลก! จุดพลุหุ้น EA พุ่งติดจรวด, bangkokbiznews, 19 ธ.ค. 2564
 

Members online

No members online now.

Forum statistics

Threads
12,180
Messages
12,435
Members
319
Latest member
SEO01

สนับสนุนโดย

Top