ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ร่วมกับ 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)
โดยนายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปเรื่องกรอบวงเงินงบประมาณปี 2566 ที่กำหนดให้สอดคล้องกับแผนการคลังระยะปานกลางของประเทศ (2566-2569) ที่ผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปก่อนหน้านี้ โดยรายละเอียดของวงเงินงบประมาณปี 2566 จะเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันที่ 4 ม.ค.2565 และหน่วยงานราชการจะส่งแผนงานการขอจัดสรรงบประมาณในปี 2566 ของแต่ละหน่วยงานภายในวันที่ 14 ม.ค.2565 โดยในการจัดทำงบประมาณปี 2566 รัฐบาลให้ความสำคัญกับความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ประสิทธิภาพการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 2.7% ประมาณการรายได้ภาครัฐ 2.49% เพิ่มขึ้นจากปี 2565 3.8% ขาดดุลงบประมาณ 695,000 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ 2565 ที่ขาดดุลฯ 700,000 ล้านบาท
สำหรับประมาณการเศรษฐกิจในปี 2566 คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวในกรอบ 3.2-4.7% (ค่ากลาง 3.7%) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1-3% ที่ประชุมได้เน้นย้ำในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในระดับที่ใกล้เคียงกับปัจจุบันคือที่ระดับใกล้เคียงกับ 1% ซึ่งถือว่าประเทศไทยมีจุดแข็งส่วนนี้ทำได้ดีกว่าหลายๆประเทศ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ การอนุมัติโครงการที่สามารถจะเบิกจ่ายและทำโครงการได้จริงภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้การเบิกจ่ายมีประสิทธิภาพสูงสุด
แหล่งข่าว เคาะงบปี 2566 ขาดดุล 6.95 แสนล้านบาท, ไทยรัฐ, 24 ธ.ค. 2564