บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุความกังวล Omicron ผ่อนคลายต่อเนื่อง หนุน Flow ไปสินทรัพย์เสี่ยงต่อ
โดยสินทรัพย์ปลอดภัยโลกถูกขายทำกำไรต่อเนื่อง สะท้อนได้จาก Bond Yield สหรัฐฯเพิ่มขึ้น โดย Bond Yield อายุ 10 ปี เพิ่มจาก 1.48% เป็น 1.52% ขณะที่ Dollar Index อ่อนค่าแรง ส่วนเงินบาทแข็งค่าต่อกลับมาต่ำกว่า 33.50 บาท/ดอลลาร์ เป็นบวกกับหุ้นใหญ่ และบวกต่อ Flow ไหลเข้าไทย
ปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาสินทรัพย์ปลอดภัย โดยเฉพาะ Bond Yield มาจาก 1.ความกังวล COVID-19 สายพันธุ์ Omicron ผ่อนคลาย ประกอบกับรายงานของบริษัทผลิตวัคซีน Pfizer ระบุว่า สูตรฉีดวัคซีน Pfizer 3 เข็มต้านทาน Omicron ได้ โดยภูมิคุ้มกันหลังได้รับเข็ม 3 จะเพิ่มขึ้น 25 เท่า
เอเซียพลัสประเมินรายงานของ Pfizer เป็นสัญญาณที่ดี เพราะช่วยลดความกังวลก่อนหน้าที่ว่า Omicron อาจลดประสิทธิภาพของวัคซีนลง และยังช่วยกระตุ้นให้บริษัทวัคซีนเร่งกระจายวัคซีนมากขึ้น ช่วยหนุนสินทรัพย์เสี่ยง
2. ตลาดเริ่มกลับมาให้น้ำหนักกับการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะประชุมวันที่ 14-15 ธ.ค.64 ซึ่งประธาน Fed ระบุว่า Fed อาจพิจารณาลดวงเงิน QE (QE Tapering) เร็วกว่าเดิม
ซึ่งตลาดคาด Fed จะเร่งทำ QE Tapering เพิ่มเป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านเหรียญ จากเดิม 1.5 หมื่นล้านเหรียญ ส่งผลให้มาตรการ QE จะสิ้นสุดเดือน มี.ค.65 จากเดิมสิ้นสุด มิ.ย.64
สำหรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แม้ Fed ส่งสัญญาณผ่าน Dot plot ในการประชุมเดือน ก.ย.64 ว่าปี 65 จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง แต่ตลาดการเงินคาดว่า Fed มีโอกาสขึ้นมากกว่า 1 ครั้งได้ Bloomberg พบว่า ตลาดคาดปี 65 Fed จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง สอดคล้องกับ Bond Yield อายุ 1 ปีของสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาที่ 0.27% ดอกเบี้ย Fed ที่ 0-0.25%
โดยเอเซียพลัสประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกที่จะกลับเป็นขาขึ้นเร็วขึ้น และ Bond Yield โลกที่ฟื้นตัวเป็น Sentiment บอกต่อหุ้นกลุ่มประกัน (BLA) และธนาคารพาณิชย์ (KBANK, SCB, BBL)
โดยสรุปปัจจัยหนุนต่างๆส่งผลให้ Fund Flow ไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัย และกลับเข้าไปหาสินทรัพย์เสี่ยงได้ต่อ เช่นตลาดหุ้นโลก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์!!
แหล่งข่าว เงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง!!, ไทยรัฐ, 11 ธ.ค. 2564