ถึงวันนี้ แม้คนส่วนใหญ่จะวิตกกับแผนการเปิดประเทศจะมีความเสี่ยง ผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น แต่อีกด้าน เป็นความจำเป็นที่เราต้องดำเนินการเพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีการเคลื่อนไหว บรรยากาศสังคมผ่อนคลาย
เพราะหากเศรษฐกิจทรุดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่สอง จะยิ่งทำให้ประชาชนย่ำแย่ ก่อหนี้ภาคครัวเรือนเพิ่ม อุตสาหกรรมขนาดใหญ่กระเทือน กิจการขนาดกลางและเล็ก ปิดกิจการ
การเปิดประเทศ จึงเป็นความจำเป็นอย่างไม่มีทางเลือก และนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ตระหนักไว้ล่วงหน้าแล้วว่า มีความเสี่ยงแฝงอยู่
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ยังวิตก ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลเก็บเป็นข้อมูล พิจารณาและตระหนัก เมื่อกรมอนามัยทำโพลล์ ปรากฏว่าประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อการควบคุมป้องกันโรค 28% ในขณะที่ 72% มีความคิดเห็นว่า ควรเพิ่มมาตรการที่จะทำให้เชื่อมั่นว่าหากเปิดประเทศแล้วจะปลอดภัย ด้วยการเร่งฉีดวัคซีนให้ทุกคนทั่วประเทศ ครบตามเกณฑ์ครอบคลุมทุกจังหวัด 70% ขึ้นไป
ให้มีการคุมเข้มการลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดน 60% และมีการกำกับ ติดตาม การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของสถานประกอบการ และประชาชนอย่างเคร่งครัด 55% ตามลำดับ
เราเห็นว่า การเปิดประเทศภายในช่วงปลายปีนี้ เป็นความจำเป็น ในสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง เพราะต้องย้ำว่า ประเทศไทยพึ่งพิงการท่องเที่ยวสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ละปี มีนักท่องเที่ยวสูงถึง 40 ล้านคน รายได้ส่วนนี้ คิดเป็น 20% ของรายได้ประเทศ และจะเกี่ยวข้องกับการจ้างงานอีกหลายล้านคน
แต่อีกด้านเราต้องไม่ผ่อนคลายกฎระเบียบที่จำเป็นในการใช้ชีวิต และระเบียบการเข้ามาของต่างชาติ รวมไปถึงต้องเดินหน้าฉีดวัคซีนให้คนไทยฉีด 2 เข็มเกิน 85% ในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น ต้องคิดถึงการจัดหาเตรียมวัคซีน ระยะต่อไปในปีหน้า เป็นอาวุธให้คนไทยปลอดภัยกับการใช้ชีวิตปกติร่วมกับ “โควิด”
แหล่งข่าว "เปิดประเทศ" ความจำเป็นที่ไม่มีทางเลือก, bangkokbiznews, 27 ต.ค. 2564