“คอลัมน์รู้เก็บรู้ออมรู้ใช้รู้ลงทุน...สู่ความมั่งคั่ง” เคยเขียนถึง “หุ้นปันผล” มาแล้วก่อนหน้านี้ว่า เป็นตัวเลือกในการลงทุนสำหรับตลาดหุ้นในสภาวะผันผวน ซึ่งสภาพตลาดหุ้นตอนนี้ นักลงทุนที่มีหุ้นปันผลอยู่ในพอร์ตลงทุน ก็น่าจะบาดเจ็บน้อยกว่าคนที่ไม่ได้มีหุ้นปันผลไว้ในครอบครองอย่างแน่นอน
ตอกย้ำให้เห็นว่า การที่เรามีหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนกลับมาให้เราสม่ำเสมอในทุกปี นอกจากจะเป็น Passive Income ที่ทำหน้าที่ช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับตัวนักลงทุนที่ถือหุ้นปันผลอยู่ ยังทำหน้าที่สำคัญอีกอย่างเป็นหลุมหลบภัยป้องกันให้นักลงทุนอย่างเรา ไม่บอบช้ำกาย และชีช้ำใจ ในสภาพตลาดแบบนี้
ครั้งนี้ คุณนายพารวยขอพูดถึงรูปแบบผลตอบแทนที่เราจะได้รับจากหุ้นปันผล โดยหลักแล้วนิยมจ่ายเป็น 2 รูปแบบ คือ “จ่ายเป็นเงินสด” และ “จ่ายเป็นหุ้น”
หุ้นปันผลที่จ่ายเป็นเงินสด เงินจะถูกโอน ส่งตรงเข้าบัญชีนักลงทุนเลย นักลงทุนก็สามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ บริษัทที่เลือกจ่ายปันผลแบบนี้ ย่อมแสดงถึงความสามารถในการรักษาโครงสร้างทางการเงินที่มีเสถียรภาพ สามารถโชว์สตรองให้นักลงทุนเห็นถึงสภาพคล่องทางการเงินดี ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอง
ส่วน หุ้นที่จ่ายปันผลเป็นหุ้น บริษัทจะใช้วิธีเพิ่มทุนเป็นหุ้นสามัญแล้วนำมาจ่ายปันผล โดยกำหนดจ่ายเป็นอัตราส่วนที่กำหนด เช่น จ่ายปันผลเป็นหุ้นในสัดส่วน 10 : 1 แปลว่า ผู้ถือหุ้นเดิม จะได้รับหุ้นปันผล 1 หุ้นทุกๆหุ้นเดิมที่ถือจำนวน 10 หุ้น เช่น ถือหุ้นอยู่ 1,000 หุ้น ก็จะได้รับหุ้นปันผล 100 หุ้น บริษัทที่เลือกแบบนี้ เพราะต้องการถือเงินสดเอาไว้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน สำหรับขยายการลงทุนโดยไม่ต้องไปกู้ยืม หรือไว้เพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น ซึ่งนักลงทุนก็ต้องพิจารณาด้วยว่า อาจเกิด Dilution Effect (จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น และราคาหุ้นลดลง) ได้
แหล่งข่าว เลือกหุ้นปันผล จ่ายเงินสดหรือเป็นหุ้น?, ไทยรัฐ, 17 มิ.ย. 2565