ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 มิ.ย. 64 ปิดที่ 1,591.43 จุด เพิ่มขึ้น 12.26 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 79,039.37 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 429.41 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 118.50 บาท ลบ 0.50 บาท, RCL ปิด 56.50 บาท บวก 5.50 บาท, BANPU ปิด 15.60 บาท ลบ 0.30 บาท, SCGP ปิด 59.75 บาท บวก 0.75 บาทและ GUNKUL ปิด 4.76 บาท ลบ 0.06 บาท
บล.โกลเบล็ก (GBS) ชี้ว่าการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างนาน 30 วันคาดอาจจะส่งผลให้มีงานก่อสร้างล่าช้า กระทบการรับรู้รายได้ของหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และในอนาคตคาดจะมีผลกระทบกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากการก่อสร้างล่าช้า และโอนล่าช้า ล่าสุด ธปท.คาดการณ์เศรษฐกิจไทยอาจต้องรอถึงไตรมาส 1/66 กว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เท่าระดับก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 ดังนั้นจึงให้กรอบดัชนีสัปดาห์นี้ที่ 1,550-1,600 จุด
แนะกลยุทธ์การลงทุน เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขการส่งออกที่มีแนวโน้มการเติบโตในเดือน มิ.ย. ต่อเนื่องจากเดือน พ.ค.ที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน และรับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าในรอบ 13 เดือน โดยหุ้นที่คาดว่ามีความน่าสนใจต่อการลงทุน ได้แก่ AH-SA-NER-STA-KCE-HANA-SMT-ASIAN
ขณะที่ บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ภาพความคาดหวังการฟื้นตัวแรงของกำไรบริษัทจดทะเบียนจากการทยอยเปิดเมืองต่อเนื่อง จากกำไรงวด 1Q64 ออกมา 2.60 แสนล้านบาท เติบโตแรง 135%yoy อาจถูกจำกัด และชะลอลงด้วยหลายปัจจัยโดยเฉพาะมาตรการรับมือกับ COVID-19 ระลอกที่ 3 ที่ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนอาจชะลอลง
เบื้องต้นหากวิเคราะห์ระยะเวลาที่ใช้รับมือ COVID-19 ระลอกใหม่นี้จะเห็นผลกระทบต่อการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ชัดขึ้น เริ่มจากการควบคุมแบ่งโซนสีในแต่ละจังหวัดกินเวลาไปนานกว่า 2.5 เดือน (กลาง เม.ย.-มิ.ย.64) ต่อเนื่องด้วยมาตรการคุมเข้ม 10 จังหวัด (ก.ค.64) รวมกันกินเวลาไปแล้วกว่า 3 เดือนครึ่ง คิดเป็นสัดส่วน 38.8% ของช่วงเวลาทั้งหมด
แหล่งข่าว เลือกหุ้นส่งออก–บาทอ่อน, ไทยรัฐ, 30 มิ.ย. 2564