สุภาพ สุวรรณพิมลกุล เลขาธิการกลุ่มฯ เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าในระยะสั้น จะเข้าไปหารือกับภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกไปเจรจากับประเทศผู้ผลิตชิพชั้นนำ เช่น จีน ไต้หวัน จัดทำข้อตกลงซื้อชิพจากทั้ง 2 ประเทศนี้ในลักษณะ จี ทู จี หรือระหว่างรัฐต่อรัฐ เพื่อเป็นตัวแทนเอกชนในการต่อรองซื้อชิพในล็อตใหญ่ นำมากระจายให้กับภาคเอกชนทั้วประเทศ เพราะหากให้เอกชนออกไปเจรจาซื้อชิพรายบริษัทจะมีอำนาจการต่อรองน้อย หากมีตัวแทนภาครัฐออกไปช่วยเจรจาให้กับภาคเอกชนก็จะมีน้ำหนักในการเจรจามากขึ้น
ส่วนแผนในระยะยาว กลุ่มผู้ประกอบการจะร่วมมือกับภาครัฐในการออกไปดึงดูดบริษัทเจ้าของเทคโนโลยีชิพให้เข้ามาลงทุนขยายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย เพื่อผลิตชิพรองรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ในไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตชิพจากจีน และไต้หวัน
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนผลิตชิพสูง เนื่องจากไทยเป็นส่วนสำคัญใน Global Supply Chain ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มากว่า 40 ปี และเป็นอุตสาหกรรมส่งออกหลักอันดับ 1-2 ของประเทศ ควบคู่กับอุตสาหกรรมยานยนต์มาตลอด
โดย ผลิตภัณฑ์หลักๆ ที่ผลิตในไทย จะอยู่ในส่วนกลางน้ำและปลายน้ำของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การประกอบและทดสอบ
เซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCBA) ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟและชิ้นส่วน ไปจนถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ยานยนต์ โทรคมนาคม ระบบอัตโนมัติ และอุปกรณ์สำนักงาน ในส่วนของเซมิคอนดัคเตอร์
ปัจจุบันมีผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกหลายรายที่ได้เข้ามาลงทุนในไทยแล้ว เช่น Microchip, Maxim , NXP, Infineon, Toshiba, Sony, Hana โดยตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอในกิจการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ จำนวน 28 โครงการ เงินลงทุนรวม 29,000 ล้านบาท
แหล่งข่าว เอกชนแนะใช้“จีทูจี”ซื้อ“ชิพ” ป้อนอุตฯแก้ปมขาดแคลน, bangkokbiznews, 23 มิ.ย. 2564