สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุว่า หนึ่งในปัญหาโลกร้อน ซึ่งหลายประเทศในสหประชาชาติตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ.2050 ประเทศไทยต้องการมีส่วนในการสนับสนุนเรื่องนี้เช่นกัน โดยที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับสหรัฐฯ ทำโครงการผลิตแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนที่อีอีซี เพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้าขนาด 8,000 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นระดับที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โครงการนี้นับเป็นการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์และการพัฒนาพลังงานสะอาดของอีอีซี และประเทศไทย
สำหรับภาคเอกชนด้านพลังงานที่กำหนดแผนธุรกิจโดยเน้นเรื่องของปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ได้แก่
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU มีการตั้งเป้าหมายในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 20% ภายในปี 2568 เพื่อลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัทฯ ต่อกำลังการผลิตในปัจจุบัน
สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU ระบุว่า บริษัท ที่ได้วางเป้าหมายระยะยาวในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน ซึ่งพิจารณาร่วมกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนที่สอดคล้องกับเทรนด์สิ่งแวดล้อมโลก
โดยงบการลงทุนของบ้านปู ตั้งแต่ปี 2559-2563 สัดส่วนประมาณ 90% เป็นการลงทุนในธรุกิจพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีพลังงาน
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Zero Emission) ในปี 2573 โดยมุ่งมั่นในการนำนวัตกรรมสีเขียวมาพัฒนาธุรกิจอย่างสอดคล้องกับประโยชน์ส่วนรวม และมีส่วนร่วมในการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมไทย
ชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บางจากฯ ระบุว่า ในเร็วๆนี้ บางจากฯ เตรียมเปิดตัว คาร์บอนมาร์เก็ตคลับ ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในขณะนี้
กลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT วางเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 27% ในปี 2573 โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของพอร์ต New Energy เป็น 20-23% ซึ่งจะเข้ามาส่วนเสริมรายได้ให้กับพอร์ตของปตท.ในอนาคต
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. มองว่า เทรนด์ของพลังงานในอนาคต จะมุ่งไป 2 เรื่อง คือ GO GREEN และ GO ELECTRIC ซึ่งในช่วงของการเปลี่ยนผ่านพลังงานดังกล่าว ปตท.จึงได้กำหนดกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด PTT by PTT หรือ Powering Thailand’s Transformation หรือ PTT ที่มุ่งหวังทำให้กลุ่มปตท. เป็นองค์กรด้านพลังงานของประเทศไทย ที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ทุกภาคส่วน ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ พัฒนาสังคม และคุณภาพชีวิตของคนไทย
โดยในส่วนของลงทุนธุรกิจพลังงานใหม่ (New Energy) ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งเชื้อเพลิงทั่วไป (conventional) หรือ เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ,น้ำมัน และถ่านหิน และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) ให้บรรลุเป้าหมายมีกำลังการผลิตในมืออย่างละ 8,000 เมกะวัตต์ หรือ รวมอยู่ที่ 16,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพอร์ตการลงทุนด้านพลังงานสะอาดมากขึ้น
แหล่งข่าว เอกชน ปั้นพอร์ตธุรกิจลดปล่อยคาร์บอน สอดรับทิศทางแผนพลังงานแห่งชาติ, bangkokbiznews, 13 มิ.ย. 2564