การปรับฐานของตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกอาจเกิดขึ้นในสามเดือนข้างหน้าเนื่องจากธนาคารกลางกำลังหาทางออกจากนโยบายฉุกเฉินตามการสำรวจของ Reuters ของนักยุทธศาสตร์
ดัชนี MOVE ซึ่งเป็นมาตรวัดความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนในวันจันทร์ โดยตอกย้ำสัญญาณความไม่แน่นอนในระยะเวลาอันใกล้
ในการสำรวจความคิดเห็นวันที่ 17-24 มิถุนายน กว่า 60% ของนักยุทธศาสตร์ด้านรายได้คงที่มองว่าการเทขายออกในตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในหนึ่งปี
อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐอายุ 10 ปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50 จุดพื้นฐานเป็น 2.0% ภายในเดือนมิถุนายน 2565 จากประมาณ 1.5% ในวันพฤหัสบดี
มุมมองเหล่านั้นสอดคล้องกับการสำรวจความคิดเห็นของนักยุทธศาสตร์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอีกฉบับ ซึ่งคาดการณ์ว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงในช่วง 12 เดือน ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ที่นโยบายการเงินยังคงผ่อนคลาย
สำหรับโครงการซื้อสินทรัพย์มูลค่า 120,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ประมาณสามในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถาม หรือ 33 ใน 44 คนคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นภายในเดือนกันยายน ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 31 คนจากทั้งหมด 40 คนมองว่าจะไม่เริ่มจนกว่าจะถึงต้นปีหน้า สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ 30 คนอยู่ที่ 1.75% โดยมีการคาดการณ์อยู่ระหว่าง 1.5-2.0%
แม้ว่าการถกเถียงเรื่องแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือไม่ นักวิเคราะห์ 27 คนจาก 40 คนที่มองว่า การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์โดยตลาดตราสารหนี้ในปัจจุบันนั้นเหมาะสมแล้ว
Guneet Dhingra หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่ Morgan Stanley กล่าวว่า "อัตราเงินเฟ้อไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่จะเป็นการผสมผสานระหว่างระยะยาวและความชั่วคราว"
แหล่งข่าว Near-term global bond market correction likely-strategists โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
