การสำรวจความเชื่อมั่นที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์พบว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อที่สูงอย่างเรื้อรังทำให้ผู้บริโภคเริ่มเชื่อมั่นน้อยลง
การสำรวจดัชนีผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 54.7 ลดลง 8.7% จากระดับ 59.9 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าประมาณการของดาวโจนส์ที่คาดการณ์ไว้ที่ 59.5
การเผยตัวเลขตามแบบสำรวจมหาลัยมิชิแกนมีขึ้นก่อนรายงานของสำนักสถิติแรงงาน ซึ่งรายงานว่าดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนตุลาคม ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.6% โดยตัวเลขดังกล่าวทำให้ตลาดสินทรัพเสี่ยงแรลลี่่ในวงกว้างจากความหวังว่าเฟดจะเริ่มแตะเบรกในการประชุมนโยบายในเดือนธันวาคม
“สำหรับตอนนี้ ทั้งเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นกำลังกดดันกำลังใช้จ่ายของภาคครัวเรือน” Jim Baird หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของที่ปรึกษาทางการเงิน Plante Moran กล่าว
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อระยะเวลา 1 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 5.1% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในช่วง 5 ปีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน นอกจากนี้ การสำรวจเมื่อวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าการบริโภคซึ่งคิดเป็น 68% ของ GDP สหรัฐอยู่ในภาวะเฝ้าระวังแม้กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลช้อปปิ้งในช่วงปลายปี
Paul Ashworth หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อเมริกาเหนือของ Capital Economics กล่าวว่า “ผู้บริโภคสามารถผ่านช่วงต้นปีนี้มาได้ท่ามกลางราคาน้ำมัน 5 ดอลลาร์ต่อแกลลอน แต่มันยากสำหรับตอนนี้เนื่องจากอัตราการออมของภาคครัวเรือนเริ่มต่ำลงและอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับสูง”
แหล่งข่าว Even with slower inflation, consumer sentiment weakened sharply in November, survey shows โดย CNBC
แปลโดยทีม TradersThailand
