กว่า 26 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับการช่วยเหลือในภาวะวิกฤตและการมาถึงของวัคซีนซึ่งช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่หลายคนคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านศึกษา หนี้สิน และความไม่เท่าเทียมกันที่กว้างขึ้นระหว่างเชื้อชาติ เพศ เจอเนอเรชันและภูมิศาสตร์จะทิ้งรอยแผลลึกในประเทศที่ยากจน
การลดลงของ GDP ของบรรดาประเทศต่าง ๆ ในปีที่แล้วถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ องค์การแรงงานระหว่างประเทศประเมินว่า การลดลงดังกล่าวมีมูลค่าเทียบเท่ากับงานประจำจำนวน 255 ล้านคน ขณะที่ นักวิจัยจาก Pew Research Center คาดการณ์ว่าชนชั้นกลางทั่วโลกลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2533
ดัชนีชี้วัด 31 ตัวชี้วัดจาก 162 ประเทศโดย Oxford Economics Ltd. ชี้ว่า ฟิลิปปินส์ เปรู โคลอมเบีย และสเปนเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นในระยะยาวมากที่สุด ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นอร์เวย์ เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีบาดแผลน้อยที่สุด
ขณะที่ การเติบโตของ GDP ของสหรัฐฯ ในปีหน้าที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นอย่างมาก โดย IMF ประเมินว่า เศษศากผลกระทบจากการระบาดจะทิ้งไว้เพียงเล็กน้อยในเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ธนาคารโลกเตือนในรายงานเดือนมกราคมนิยามว่า “ทศวรรษแห่งความผิดหวังของการเติบโตทั่วโลก” โดยคาดว่าผลผลิตทั่วโลกจะลดลง 5% ภายในปี 2568 เมื่อเทียบกับแนวโน้มก่อนการระบาด และอัตราเงินเฟ้อจุจะลดลงต่ำกว่า 2% ในทศวรรษหน้าโดยลดลงเหลือ 2.5% ในปี 2000 จาก 3.3% ในทศวรรษก่อน
แหล่งข่าว Covid Will Leave Deep Scars in World Economy Even After Recovery โดย Bloomberg
แปลโดยทีม TradersThailand