วันที่ 14 ต.ค.2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีการประชุมใหญ่เพื่อประเมินสถานการณ์โควิด-19 ทั้งยอดผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยอาการหนัก รวมถึงความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนและตัวเลขการฉีดวัคซีนมาประกอบการพิจารณาเพื่อปรับปรุงและออกมาตรการในระยะต่อไปในทุกมิติ คำนึงถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ด้านการสาธารณสุขและความมั่นคง ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนรองรับ “นโยบายเปิดประเทศ” ที่มีกำหนดในวันที่ 1 พ.ย. ศบค.จะนำเอาแถลงการณ์นายกรัฐมนตรีเมื่อค่ำวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นไกด์ไลน์ในการทำแผนแอคชั่นแพลน
ความเคลื่อนไหวข้างต้น ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศช่วงโค้งสุดท้ายของโควิด-19 หากมาตรการออกมาสอดคล้องและแม่นยำ การเปิดประเทศครั้งสำคัญนี้จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่หากประเมินผิดพลาดอาจทำให้ประเทศสะดุด เสียโอกาส หรือเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้เช่นกัน
สำหรับวาระในการประชุม ฝ่ายสาธารณสุขเสนอให้ปรับเปลี่ยนโซนสีให้เหมาะสมกับอัตราผู้ติดเชื้อ ตัวเลขการฉีดวัคซีน และความพร้อมของเจ้าหน้าที่กับประชาชน อาจจะเพิ่มเติมโซนสีส้มในบางจังหวัดที่โควิด-19 ยังคงติดเชื้อสูง เช่นพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงจะเสนอปรับลดระยะเวลาเคอร์ฟิว มีกระแสข่าวออกมาเบื้องต้นลดเวลาหัวท้ายแค่ 2 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะน้อยเกินไปสำหรับการเอื้อต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่เตรียมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เราเห็นว่า มาตรการที่ชัดเจนและเด็ดขาดบนข้อมูลที่แม่นยำเป็นสิ่งจำเป็น การผ่อนคลายบางกิจกรรมกิจการ รวมถึงการออกมาตรการป้องกันส่วนบุคคล จะต้องตรงประเด็นปัญหาภายใต้พื้นฐานความไม่ประมาท สุ่มเสี่ยง และทำให้ประชาชนยังคงดูแลตัวเองแบบครอบจักรวาล ส่วนผู้ประกอบการ ชุมชน ตลาด ต้องปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting และมีการตรวจ ATK ตามที่กำหนด
การออกมาตรการครั้งนี้มีความสำคัญต่ออนาคตประเทศ หลายฝ่ายโดยเฉพาะภาคธุรกิจสนับสนุนนโยบายดังกล่าว โดยมองว่าการประกาศเปิดประเทศ 1 พ.ย. นอกจากมีความชัดเจนแล้ว ยังช่วยให้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะภาครัฐตื่นตัวในการทำงาน โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมาย 70% ภายในสิ้นปีเป็นอย่างน้อย
การเปิดประเทศไม่เพียงกระตุ้นด้านการท่องเที่ยวจากต่างชาติ โดยเฉพาะ 2 เดือนสุดท้ายของปี ยังกระตุ้นการเพิ่มเม็ดเงินด้านการลงทุนจากต่างประเทศ เห็นได้จากบีโอไอที่ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมการเปิดประเทศช่วยเพิ่มบรรยากาศการลงทุน ปีนี้จะมีคำขอส่งเสริมแตะระดับ 6-7 แสนล้าน และชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีมูลค่าการลงทุนสูง ผู้บริหารหอการค้าไทยและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยต่างขานรับจุดเปลี่ยนพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ทำให้โอกาสการขยายตัวเศรษฐกิจของประเทศหรือจีดีพีโต 1% ทั้งหมดนี้ภาคธุรกิจขออีกอย่างคือรัฐต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ของประชากรให้เร็วที่สุด
จะเปิดประเทศเร็วๆ นี้ นอกจากจะกระตุ้นการท่องเที่ยวจากแรงต่างชาติ ต้องช่วยกันส่งเสริมให้โอกาสการขยายตัวของเศรษฐกิจโตขึ้น โดยรัฐต้องช่วยเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กันให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด
แหล่งข่าว โค้งสุดท้าย "โควิด-19" ศบค. ต้องชัดเจน, bangkokbiznews, 14 ต.ค. 2564