จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ณ วันที่ 16 ก.ค.2564 พบว่า ดัชนีราคาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจการแพทย์ (ดัชนี HELTH) ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มหุ้นโรงพยาบาล ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (17 มิ.ย. - 16 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 4.53% มากกว่าดัชนี SET ที่ลดลง 3.10%
ขณะที่ต้นปีถึงปัจจุบัน (4 ม.ค. - 16 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 20.17% มากกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน 8.63% โดยหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมากที่สุด นำโดย บมจ.เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ (CMR) เพิ่มขึ้น 89.77% บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) 85.66% และ บมจ.ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ (VIH)
ทั้งนี้ เป็นผลจากที่กลุ่มโรงพยาบาลถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการระบาดของโควิด-19 มากที่สุด แม้จำนวนผู้ใช้บริการตรวจโรคทั่วไปจะลดลงจากความกังวลเข้าใช้บริการ แต่ยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่จำเป็นต้องใช้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และการรับบริการต่อเนื่องหากตรวจพบว่า และ ล่าสุด คาดว่ากลุ่มโรงพยาบาลจะได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากการจำหน่ายวัคซีนทางเลือก
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้ราคาหุ้นในกลุ่มโรงพยาบาลจะปรับขึ้นเต็มราคาเหมาะสมของปี 2564 ไปแล้ว แต่ในแง่ของกลยุทธ์การลงทุนยังแนะนำซื้อ BCH เพราะคาดว่ากำไรไตรมาส 2 ปี 2564 ที่จะประกาศออกมาวันที่ 16 ส.ค.จะดีกว่าคาดการณ์เท่าตัว จากเดิมคาดมีกำไรสุทธิประมาณ 500 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
ภายหลังผู้บริหารเปิดเผยในการประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจำนวนตรวจเคสโควิด-19 ในไตรมาส 2 ปี 2564 จะเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว จาก 1 แสนเคสในไตรมาสแรก มาอยู่ที่ 5.8 แสนเคส นอกจากนี้ เป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารเปิดเผยแนวโน้มการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไตรมาส 3 ปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวมาอยู่ที่ 9 แสนถึง 1 ล้านเคส เพราะสถานการณ์การระบาดที่เพิ่มขึ้น
แหล่งข่าว โบรกคาด BCH รับรายได้วัคซีนสูงสุด 2.8 พันล้าน จ่ออัพราคาเป้าหมาย, bangkokbiznews, 18 ก.ค. 2564