ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (7 เม.ย.)ผันผวนหนักโดยช่วงเช้าปรับตัวลดลง 22 จุด และรีบาวด์ขึ้นมาในช่วงปิดตลาดภาคเช้าที่ 1,565.10จุด ลดลง14.56 จุด และกลับมาลงแรงท้ายตลาดมาปิดที่ 1,556.56 จุด ปรับลง 23.1 จุด หรือ1.46% มูลค่าซื้อขาย 107,774.43 ล้านบาท จากกังวลโควิดระลอก 3
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า จากความเสี่ยงดังกล่าวเราได้ประเมินกรอบตลาดหุ้นไทยระยะสั้นไม่เกิน 2 สัปดาห์ ใน 2 กรณี คือ 1.กรณีเกิด Red Zone ไม่เกิน 7 จังหวัด และทยอยควบคุมได้ มองกรอบแนวรับที่ 1,550-1,567จุด และ2. เกิดRed Zone10 จังหวัดขึ้นไปและจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ และทยอยล็อกดาวน์บางพื้นที่มองกรอบแนวรับที่ 1,510-1,540 จุด เป็นจุดที่ต้องระวัง
อย่างไรก็ตามหลังตลาดปรับฐานลงมากรอบแนวรับระยะสั้น ที่1,550 จุด แนะนำเป็นจังหวะเข้าเก็งกำไร กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น HANA กลุ่มคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์ เช่น SAWAD กลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น GULF RATCH GPSC กลุ่มสื่อสาร เช่น INTUCH กลุ่มเครื่องดื่ม เช่น ICHI SAPPE กลุ่มซ่อมแซมบ้าน เช่น HMPROและกลุ่มปันผลสูง เช่น KKP,SPALI
นายกรรณ์ หทัยศรศัทธา นักวิเคราะห์และผู้ช่วยนักกลยุทธ์การลงทุน บล. กสิกรไทย กล่าวว่า ประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยระยะสั้น 2 กรณี คือ หากมีการประกาศล็อกดาวน์บางพื้นที่ ดัชนีปรับลดลงมองแนวรับที่ 1,555 จุด และกรณีมีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ดัชนีปรับลดลงมองแนวรับที่ 1,503 จุด ซึ่งมีทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ ที่ปรับลดลง 2.9 %
ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามหลังสงกรานต์ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง โดยหากแย่ลง แต่เรามีเริ่มมีการกระจายวัคซีนแล้ว ดังนั้นตลาดจะไม่ปรับตัวลงแรงเหมือนกับการระบาดที่ผ่านมา ทำให้ดัชนีไม่น่าจะหลุด 1,500 จุด แต่ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของวัคซีนว่าตลาดจะมองอย่างไร
แหล่งข่าว โบรกเชื่อโควิดระลอก3ฉุดดัชนีช่วงสั้นไม่หลุด 1,500 จุด, bangkokbiznews, 08 เม.ย. 2564