นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการอาวุโส นักวิเคราะห์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผยในงานเสวนาออนไลน์ "หุ้นปลอดภัยฝ่าโควิด" หัวข้อ “หุ้นเด็ดพิชิตตลาด” โดยฐานเศรษฐกิจว่า ในปี 2565 มองดัชนีหุ้นไทยที่ระดับ 1,600 จุด หรือหุ้นไม่ขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นยังเผชิญความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกในระยะข้าง ที่ไม่ได้สนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเท่าที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ผ่านจุดสูงสุดและกำลังชะลอตัวลง , การเริ่มทยอยลดคิวอีคาดในเดือนพ.ย.นี้ และเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะเจอภาวะ Stagflation หรือ เศรษฐกิจชะลอ แต่เงินเฟ้อเร่งตัว ขณะเดียวกันซัพพายดิสรับชั่นกดดันกำไรบริษัท
ประกอบกับ ตลาดหุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ ยังอยู่ในจุดที่ค่อนข้างเปราะบาง ไม่เห็นอัพไซด์มากจากระดับปัจจุบันที่ระดับ 1,600 กว่าจุด และราคาหุ้นไม่ถูกนัก ดังนั้น การลงทุนหุ้นไทย ยัง เป็นการชั่งน้ำหนัก ระหว่าง “ผลตอบแทนกับความเสี่ยง” ให้สมดุล
ทั้งนี้ ทางด้านผลตอบแทน มองว่า ยังมีโอกาสปรับขึ้นจากการทยอยเปิดเศรษฐกิจ โดยทาง อีไอซี คาดการณ์จีดีพี ขยายตัว 1% ในปีนี้และ 3.6 % ในปีหน้า แต่ยังต้องติดตามหลังเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้แล้วจะมียอดผู้ติดเชื้อกลับมามากน้อยแค่ไหน แต่คาดว่าจะไม่มีการกลับมาปิดเมืองอีก นอกจากนี้หากการเปิดประเทศเป็นไปตามแผนงานที่ทางการวางไว้ เชื่อว่าจะเห็นกระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติเข้ามารับการเปิดเศรษฐกิจ
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทย เน้นการเลือกหุ้นเชิงรับ ในกลุ่มหุ้นดิเฟนซีพ (Defensive Stocks) มีกำไรโตแข็งแกร่ง และงบดุลแข็งแรง แนะ 5 หุ้นเด่น ได้แก่ BEM KCE OSP SECURE ZEN เพื่อเตรียมรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 2565 คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 1,740 จุด และในปี 2566 จะอยู่ที่ 1,780 จุด โดยดัชนีในปีหน้ามีโอกาสปรับตัวสูงกว่าปีนี้ จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยที่ปีหน้าน่าจะดีกว่าปีนี้ หลังจากมีการเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดยังมีโอกาสเติบโตในเชิงกำไรที่สูงขึ้น แต่ยังต้องจับตาความเสี่ยงปัจจัยการเมืองในประเทศที่จะมีการเลือกตั้งในไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งตลาดจะตอบรับก่อนหน้านั้นอย่างไร
ขณะที่ตลาดหุ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จะแกว่งตัวที่ระดับ 1,650-1,700 จุด หรือไม่เกิน 1,700 จุดในสิ้นปีนี้ เพราะมองว่า ปัจจัยลบกดดันตลาดไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ในแง่ของความไม่แน่ใจนั้นมีมากกว่า ทั้งจากความกังวลว่าหลังเปิดประเทศแล้วการระบาดจะกลับมารอบไม่หรือไม่ ทำให้คนยังไม่กล้าลงทุน และการเริ่มลดคิวอีของเฟด ที่ส่วนใหญ่หุ้นจะปรับตัวลงก่อนเริ่ม และเมื่อเริ่มลดคิวอีจริงๆ แล้ว จะเกิดเหตุการณ์อย่างไร ทำให้เห็นภาพนักลงทุนต่างชาติ ยังเข้ามาลงทุนในตลาดภูมิภาคเอชียแบบซื้อๆขายๆ ไม่มีเม็ดเงินที่หนุนตตลาดให้โตอย่างจริงจัง
ขณะเดียวกัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ในช่วงที่ผ่านมา มองว่า เป็นปัจจัยเฉพาะตัว จากกลุ่มนักลงทุนไทย ที่เข้าลงทุนในหุ้นเปิดเมืองและหุ้นมหาขน ดันราคาหุ้นปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ อีกทั้งราคาพลังงานปรับตัวขึ้นหนุนดัชนีกลับมายืนที่ระดับ 1,650 จุด แทนที่จะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุดหลังจากผ่านการแพร่ระบาดโควิดรอบนี้
อย่างไรก็ตามมองว่า ในปีหน้าไม่ว่าดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด หรือทะลุ 1,700 จุด แนะกลยุทธ์ “การเลือกเซ็กเตอร์และเลือกหุ้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ที่จะเอาตัวรอดไปได้และมีผลตอบแทนชนะตลาด
โดยการลงทุนต้อง ผสมผสานการเลือกหุ้นสัดส่วน 50% ลงทุนหุ้นกลุ่มฟื้นตัวจากโควิด เช่น BBL และ TKN ที่ราคาหุ้นยังไม่ปรับขึ้นมาก และมีการฟื้นตัวในเชิงกำไร
และสัดส่วนอีก 50% เน้นลงทุนหุ้นรับกระแสการเติบโตในปีหน้า โดยกลุ่มหุ้นเติบโตที่น่าสนใจเป็นพิเศษ มี 3 กลุ่ม ได้แก่ เทคโนโลยี อีวี และกัญชง ในช่วงนี้สามารถเข้าลงทุนกลุ่มเทคโนโลยีและอีวี แนะหุ้นเด่น เช่น EA และSCGP ขณะที่หุ้นกลุ่มกัญชง รอเข้าลงทุนในปีหน้า
แหล่งข่าว โบรก คัด หุ้นเด็ดพิชิตตลาด รับดัชนีปี 65 ขาลง 1,600 จุด -ขาขึ้นทะลุ 1,700 จุด, bangkokbiznews, 21 ต.ค. 2564