นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2564 ซึ่งฝ่ายวิจัยรวบรวมถึงณ วันที่ 28 ก.พ. 2565 จำนวน 543 บริษัท คิดเป็น 95% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแชร์) พบว่า บริษัทจดทะเบียน(บจ.)มีกำไรสุทธิ 2.75 แสนล้านบาท สูงกว่าคาด 44.73% จากที่ประมาณการไว้ จำนวน 1.9 แสนล้านบาท
ทั้งนี้จากกำไรไตรมาส4ปี 2564 ที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์นั้น ทำให้มีโอกาสที่ฝ่ายวิจัยจะปรับเพิ่มประมาณการกำไร บจ. ปี 2565 มาแตะที่ 1 ล้านล้านบาท จากเดิมคาดไว้ที่ 9.4 แสนล้านบาท และ มีอัตรากำไรต่อหุ้น ( EPS)ไม่น้อยกว่า 85 บาทต่อหุ้น และยังมีอัพไซด์มากกว่านี้
เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และยังมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบช่วงต้นปี เฉลี่ยยืนอยู่ในระดับสูงมาก 87 ดอลลาร์บาร์เรล สูงกว่าสมมุติฐานฝ่ายวิจัยที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งปกติราคาที่เกินสมมุติฐานทุกๆ 5 ดอลาร์ต่อบาร์เรล ช่วยหนุนกำไรของบจ.ในหมวดพลังงาน ราว 1 บาทต่อหุ้น ดังนั้นคาดกำไรบจ.ยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 1 ปี 2565 ถือเป็นไฮซีซันของหลายอุตสาหกรรม สะท้อนถึงการแนวโน้มการจ่ายปันผลในปีนี้ดีขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ผลกระทบจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีผลกระทบน้อยต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของประไทย ขณะที่การเจรจาระหว่างตัวแทนรัสเซียกับยูเครนรอบแรกจบลง และมีโอกาสที่จะเจรจากัน ต่อในรอบที่ 2 ในช่วงเวลาถัดไป สร้างความผ่อนคลายให้กับสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นชั่วคราว ทำให้กระแสเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่(บิ๊กแคป) ที่ผันผวนน้อยกว่าตลาด และน่าจะส่งผลดีต่อหุ้นบางกลุ่มให้มีโอกาสฟื้นตัว หลังถูกกดดันมานาน โดยในช่วงไตรมาส 1 นี้ ยังสามารถทยอยเก็บหุ้นปันผลดี และราคายังไม่ปรับสูงมากได้ ได้แก่ CPALL ,MAKRO, M, GPSC, BH, DTAC, STEC, AOT, TOP, SCC
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือMST กล่าวว่า จากกำไรบจ.ไตรมาส 4 ปี 2564 ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ ค่อนข้างมากทำให้ทั้งปี 2564 มีแนวโน้มที่ดีขึ้นด้วย จึงมีโอกาสที่หลายสำนักจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรบจ.ปี 2565 ตามไปด้วย
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้ประมาณการกำไร ปี 2565 ไว้ที่ 1.1 ล้านล้านบาท และ EPS อยู่ที่ 94.2 บาทต่อหุ้น แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ยังไม่มีการปรับประมาณ เพราะว่าเป็นประมาณการที่สูงกว่ารายอื่นและยังอยู่ในช่วงต้นปีเท่านั้น แต่หากหลายๆปัจจัยมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น อาจจะมีการปรับเพิ่มประมาณการได้เช่นกัน
ประกอบกับในปีนี้ยังมีปัจจัยบวก สถานการณ์สงครามรัสเซียกับยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยค่อนข้างน้อย หนุนทิศทางการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศยังดีต่อเนื่อง หนุนธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยนี้ ได้แก่ ค้าปลีก โรงพยาบาล และโรงแรม มีโอกาสปรับปันผลเพิ่มขึ้นได้ในปีนี้
อีกทั้งทิศทางราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นสัญญาณบวกต่อธุรกิจพลังงาน ในกลุ่มโรงกลั่นที่ได้ประโยชน์จากกำไรสต็อกน้ำมัน และพลังงานต้นน้ำ ยังมีรายได้ที่ดีจากราคาขายเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มเดินเรือที่ได้ประโยน์จากค่าระวางเรือที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงธุรกิจที่ได้ประยช์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ ได้แก่ ค้าปลีก โรงพยาบาล และโรงแรม มีโอกาสปรับปันผลเพิ่มขึ้นได้ในปีนี้
แหล่งข่าว โบรก ชี้ ไตรมาส4/64 บจ.กำไร 2.75 แสนล้าน สูงกว่าคาด44%, bangkokbiznews, 04 มี.ค. 2565