ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ 27-30 ก.ค. มีวันทำการ 3 วัน มีแนวโน้มผันผวนแกว่งในกรอบ 1,530–1,565 จุด ส่วนใหญ่ยังไม่มีปัจจัยหนุน โดยตลาดยังให้น้ำหนัก 1.Covid ต่างประเทศ ที่แนวโน้มผู้ติดเชื้อกลับมาเป็นขาขึ้น และที่สำคัญคือในประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งสร้างฐาน 1 หมื่นรายต่อวันทำ All Time High ที่ 15,335 ราย และแนวโน้มผู้ติดเชื้อยังเพิ่มสูงและไม่ลดลง
ประเด็นที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด คือมีโอกาสมากขึ้นที่รัฐบาลอาจจะยกระดับการเข้มงวดกิจกรรมเศรษฐกิจอาจเข้าขั้นอู่ฮั่นโมเดลแบบจีน หากมีการนำมาใช้จริง ประเมินว่าเป็นการเปิด Downside ให้กับเศรษฐกิจ และกำไรของบริษัทจดทะเบียนปี 64 เพิ่มขึ้นอีก คาดจะยังสร้างแรงกดดันตลาดหุ้นและหุ้นเปิดเมือง
ขณะที่ Flow ต่างชาติ ช่วงนี้จะยังไม่ไหลเข้า หรือชะลอการเข้าไทย เห็นได้จากตัวเลขตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.-23 ก.ค. พบว่าต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยรวม 1.4 หมื่นล้านบาท ถ้านับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (ytd) 9 หมื่นล้านบาท โดย Flow ต่างชาติ กับเงินบาทที่อ่อนค่ามีความสัมพันธ์กันอย่างชัดเจน
จากสถิติตั้งแต่ปี 58 ถึงปัจจุบันพบว่าค่าเงินบาทอ่อนค่า Fund Flow ไหลออกจากหุ้นไทยทุกครั้ง เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่า ล่าสุดแตะ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จากความกังวลเรื่อง Covid ไทย และ Dollar ที่แข็ง จะกดดันและทำให้หุ้นใหญ่ปรับขึ้นได้จำกัด และหุ้นเล็กน่าจะขยับขึ้น หรือ Out perform ได้มากกว่า
ทั้งนี้ ยังต้องติดตาม 1.การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) 27-28 ก.ค.นี้ (ไทยทราบผลดึก 29 ก.ค.) 2.การประกาศงบงวด 2Q64 ของฝั่งภาค Real sector อาทิ HMPRO, PTTEP, SCC รวมถึงการกระจายวัคซีนเริ่มเบาลง พบว่ามีกลุ่มหุ้นที่ Outperform เด่น หรือให้ผลตอบแทนเป็นบวก คือ กลุ่ม PKG, ETRON, HELTH, FOOD, AGRI
แนะนำลงทุนหุ้นปลอดภัยจาก COVID-19 คือ กลุ่ม PKG (ชอบ SCGP), ETRON, HELTH (ชอบ BDMS), FOOD (ชอบ TVO, SAPPE, TU), AGRI (ชอบ NER) นอกจากนี้ แนะนำหุ้นที่คาด
ผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาดี และคาดหวังจะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสูง คือ กลุ่มเหล็ก ชอบ MCS และ TMT
แหล่งข่าว ไร้ปัจจัยบวก, ไทยรัฐ, 27 ก.ค. 2564