นายอารภัฏ สังขรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์ไตรมาส 2 ปี 2564 มีแนวโน้มชะลอตัวลงหากเทียบบไตรมาส 1 ปีนี้ แต่หากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนหน้าไตรมาส 2 ปี 2563 อาจมีการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น
บริษัทยังเชื่อว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2นี้น่าจะยังดีต่อเนื่องจากไตรมาส1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ277บาท เพิ่มขึ้น105% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 135ล้านบาท และมีรายได้รวม 948 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 751 ล้านบาท เนื่องมาจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลอยู่ที่ 45,882.65ล้านบาทต่อวัน เพิ่มขึ้น 81.40% ถือว่า สูงสุดในรอบ 10ปี ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบเดียวกันปีก่อน
ส่วนลูกหนี้บัญชีมาร์จินโลน เพิ่มขึ้น เป็น 13,178 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่ 10,992 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) 15-16% ของอุตสาหกรรมโดยรวม รวมถึงมีการบริหา ความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ทั้งวิธีการคัดเลือกลูกค้า การกำหนดวงเงิน และเลือกหุ้น ไม่มีหนี้เสีย
ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในส่วนของนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นจากเดิม80% เป็น85%ของรายได้ค่านายหน้ารวม และเป็นการซื้อขาเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุน(มาร์เก็ตติ้ง)และไม่ใช่อินเทอร์เน็ต อยู่ที่50:50 ซึ่งอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีนี้ เชื่อว่าตลาดปรับฐานระยะสั้นยังเป็นโอกาสในการเข้าไปสะสมและตั้งรับการฟื้นตัวของตลาดระยะกลางถึงยาว แม้ระยะสั้นยังมีปัจจัยกดดัน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19ระลอกใหม่ โดยทั้งปีนี้ยังมองดัชนีที่ 1,600 จุด
แนะนำจัดพอร์ตแบบผสมผสาน (ทั้งหุ้นเติบโตตามเทรนด์โลกและหุ้นคุณค่าในเศรษฐกิจดั่งเดิม เช่น ธนาคาร พลังงาน ปิโตรเคมี 2.ลงทุนตามธีมที่จังหวะเหมาะสม (ทั้งธีมวัคซีน,เปิดประเทศ,อีวี,กัญชง ยังมีโมเมนต์ที่ดีในช่วงครึ่งปีหลังและกลางถึงยาว) และ 3. คัดสรรหุ้นเด่นตามฤดูกาล จับสัญญาณเล่นรอบ
แหล่งข่าว ‘กิมเอ็ง’ชี้รายย่อยเทรดสนั่น ดันธุรกิจโบรกเกอร์โต, bangkokbiznews, 11 พ.ค. 2564