มาตรการในรอบนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ด้วยกัน ระยะแรกจะเป็นชุดมาตรการที่สามารถดำเนินการได้เลยทันที ประกอบด้วย การลดค่าน้ำค่าไฟให้กับประชาชนและธุรกิจเอสเอ็มอี เป็นเวลา 2 เดือน (พ.ค.-มิ.ย. 2564) วงเงินรวม 1 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย พร้อมด้วยมาตรการด้านการเงินผ่านสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ของธนาคารออมสินและธนาคาร ธ.ก.ส. วงเงินรวม 2 หมื่นล้านบาท, มาตรการพักชำระหนี้ของแบงก์รัฐ ออมสิน, ธ.ก.ส. และธนาคาร ธอส.
นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มวงเงินโครงการเราชนะ และ ม.33 เรารักกัน ให้อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และขยายเวลาใช้จ่ายไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2564
ส่วยระยะที่ 2 จะเป็นชุดมาตรการที่จะออกมาหลังการระบาดระลอกใหม่เริ่มคลี่คลาย (ก.ค.-ธ.ค. 2564) เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน มีทั้งหมด 4 โครงการ เริ่มด้วยการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกเดือนละ 200 บาท นาน 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค. 2564), โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้พิการ เดือนละ 200 บาท นาน 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค. 2564)
และที่มาตามนัด โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ซึ่งรอบนี้ให้โควต้าทั้งหมด 31 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ที่เคยได้รับสิทธิในเฟส 1 และ เฟส 2 จำนวน 15 ล้านคน ปิดท้ายด้วยโครงการใหม่ป้ายแดง “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่รัฐจะให้ e-Voucher เพื่อนำไปใช้จ่ายในร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาท/วัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท คาดมีผู้เข้าร่วมโครงการราว 4 ล้านคน
แน่นอนว่ามาตรการทั้งหมดที่ออกมาจะช่วยพยุงเศรษฐกิจ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และยังเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มที่น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดคงหนี้ไม่พ้นหุ้นกลุ่มค้าปลีก แต่ก็ต้องยอมรับตามตรงว่าคงไม่ได้มากเท่าไหร่ สะท้อนได้จากการออกมาตรการในครั้งที่ผ่านๆ มา
ไล่ดูแต่ละมาตรการแล้ว คงไม่มีหุ้นตัวไหนที่ได้รับประโยชน์โดยตรง แต่จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมมากกว่า เช่น ร้านค้าไปซื้อสินค้าเพื่อนำมาขายต่อ ตัวหลักๆ มีบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC แต่ที่น่าสนใจคือมาตรการใหม่ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เพราะสามารถใช้ได้ทุกร้านที่อยู่ในระบบฐานภาษี ที่สำคัญจ่ายผ่าน e-Voucher แทนเงินสดได้เลย และดูจากวงเงินที่สามารถใช้ได้สูงสุด 5,000 บาท/วัน ที่น่าสนใจมีกลุ่มสินค้าไอที รับกระแส Work From Home ทั้งบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ (COM7), บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI, บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS รวมถึงกลุ่มสินค้าภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL
แหล่งข่าว ‘ส่องหุ้น’รับอานิสงส์แพ็กเกจเยียวยารอบใหม่, bangkokbiznews, 10 พ.ค. 2564
นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มวงเงินโครงการเราชนะ และ ม.33 เรารักกัน ให้อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และขยายเวลาใช้จ่ายไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2564
ส่วยระยะที่ 2 จะเป็นชุดมาตรการที่จะออกมาหลังการระบาดระลอกใหม่เริ่มคลี่คลาย (ก.ค.-ธ.ค. 2564) เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน มีทั้งหมด 4 โครงการ เริ่มด้วยการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกเดือนละ 200 บาท นาน 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค. 2564), โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้พิการ เดือนละ 200 บาท นาน 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค. 2564)
และที่มาตามนัด โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ซึ่งรอบนี้ให้โควต้าทั้งหมด 31 ล้านคน แบ่งเป็นผู้ที่เคยได้รับสิทธิในเฟส 1 และ เฟส 2 จำนวน 15 ล้านคน ปิดท้ายด้วยโครงการใหม่ป้ายแดง “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ที่รัฐจะให้ e-Voucher เพื่อนำไปใช้จ่ายในร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาท/วัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาท คาดมีผู้เข้าร่วมโครงการราว 4 ล้านคน
แน่นอนว่ามาตรการทั้งหมดที่ออกมาจะช่วยพยุงเศรษฐกิจ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และยังเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อบรรยากาศการลงทุนด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มที่น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดคงหนี้ไม่พ้นหุ้นกลุ่มค้าปลีก แต่ก็ต้องยอมรับตามตรงว่าคงไม่ได้มากเท่าไหร่ สะท้อนได้จากการออกมาตรการในครั้งที่ผ่านๆ มา
ไล่ดูแต่ละมาตรการแล้ว คงไม่มีหุ้นตัวไหนที่ได้รับประโยชน์โดยตรง แต่จะได้รับประโยชน์ทางอ้อมมากกว่า เช่น ร้านค้าไปซื้อสินค้าเพื่อนำมาขายต่อ ตัวหลักๆ มีบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO, บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC แต่ที่น่าสนใจคือมาตรการใหม่ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เพราะสามารถใช้ได้ทุกร้านที่อยู่ในระบบฐานภาษี ที่สำคัญจ่ายผ่าน e-Voucher แทนเงินสดได้เลย และดูจากวงเงินที่สามารถใช้ได้สูงสุด 5,000 บาท/วัน ที่น่าสนใจมีกลุ่มสินค้าไอที รับกระแส Work From Home ทั้งบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ (COM7), บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI, บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS รวมถึงกลุ่มสินค้าภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL
แหล่งข่าว ‘ส่องหุ้น’รับอานิสงส์แพ็กเกจเยียวยารอบใหม่, bangkokbiznews, 10 พ.ค. 2564