นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การยกระดับและขยายพื้นที่ครั้งนี้ปรับตามสถานการณ์ในต่างจังหวัด โดยเดิมคาดว่ากระทบเศรษฐกิจเดือนละ 200,000–300,0000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 250,000-350,000 ล้านบาท ซึ่งการยกระดับใกล้เคียงเดือน เม.ย.2563 แต่ยังไม่เข้มงวดเท่า จึงต้องเร่งมาตรการอื่นควบคู่ไม่เช่นนั้นจะเหมือนมาเลเซียที่กึ่งล็อคดาว์นแล้วคุมระบาดไม่ได้
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดภาครัฐควรเร่งมาตรการอื่นควบคู่ คือ 1.เร่งฉีดวัคซีน 2.การทำระบบ Home Isolation และ Company Isolation โดยขณะนี้ภาคเอกชนร่วมแบ่งเบาภาระภาครัฐในการดูแลพนักงาน โดยหลายแห่งทำ Active Screening โดยใช้ Rapid Antigen Test Kit เพื่อเร่งแยกคนติดออกไม่ให้ระบาดในสถานประกอบการ รวมถึงการดูแลเชื่อมระบบกับโรงพยาบาลและ Hospitel
นายสนั่น กล่าวว่า สำหรับการอนุญาตร้านอาหารในห้าง คอมมิวนิตี้มอล เปิดจำหน่ายได้ เฉพาะบริการแบบเดลิเวอรี่นั้น ถือเป็นมาตรการบรรเทาผลกระทบผู้ประกอบการได้ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้เพิ่มกำลังซื้อหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประชาชนยังจับจ่ายใช้สอยเท่าเดิม เพราะยังล็อคดาวน์ โดยแม้ว่าความพยายามในการตรวจหาผู้ติดเชื้อจะเป็นเรื่องดี แต่การเร่งจัดหาวัคซีนพร้อมกระจายสู่ประชาชนเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ภาครัฐทำควบคู่ ซึ่งต้องเร็วกว่านี้และเอกชนพร้อมสนับสนุนการใช้เครือข่ายช่วยจัดหาวัคซีนให้คนไทย
“เชื้อกลายพันธ์ระบาดเปลี่ยนไปอย่างมากจากเดิม หอการค้าจะร่วมกับทางสาธารณสุขทำความเข้าใจวิธีการป้องกันใหม่ รวมถึงแนวทางที่ผู้ประกอบการและประชาชนจะมาจัดการปัญหาร่วมกัน”นายสนั่น กล่าว
แหล่งข่าว ‘หอการค้า’ คาดขยายล็อคดาวน์ กระทบเศรษฐกิจ 3.5 แสนล้าน/เดือน, bangkokbiznews, 2 ส.ค. 2564