น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและรองรับการลงทุนในอนาคต เนื่องจากคาดว่าอีอีซีจะรองรับการลงทุนได้เพียง 5 ปีเท่านั้น จึงต้องตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่ม 6 แห่ง เป็นการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ 5 แห่ง ตั้งเป้าหมายการลงทุน 300,000 ล้านบาทใน 10 ปี (2564-2573)
1.นิคมอุตสาหกรรมโรจนะแหลมฉบัง จ.ชลบุรี รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์
2.นิคมอุตสาหกรรมโรจนะหนองใหญ่ จ.ชลบุรี รองรับยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์
3.นิคมอุตสาหกรรมเอเชียคลีน จ.ชลบุรี รองรับอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ยานยนต์สมัยใหม่ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ
4.นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง จ.ระยอง รองรับยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ การบิน โลจิสติกส์ และดิจิทัล
5.นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง จ.ระยอง รองรับยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ และจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ 1 แห่ง คือ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จ.ระยอง เป้าหมายการลงทุน 20,000 ล้านบาท ใน 10 ปี (พ.ศ.2564-2573) พัฒนาพื้นที่ในกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ขณะที่ได้เปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ 1 แห่ง คือ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรธรรมศาสตร์ พัทยา (EECmd) รองรับการลงทุนการแพทย์ในอนาคต
ด้านนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้โจทย์ในการบริหารจัดการเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศเปลี่ยนไป หลังจากสถานการณ์โควิด-19 โดยรัฐบาลมีเป้าหมายขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2565 เพิ่มขึ้น 5% จากการที่รัฐบาลใส่มาตรการต่างๆ และการใส่เงินในกระเป๋าประชาชน รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะเร่งพัฒนารถไฟรางคู่ให้ไปเชื่อมรถไฟใน สปป.ลาวใน 2 ปีครึ่ง.
แหล่งข่าว “สุพัฒนพงษ์” โวเศรษฐกิจปี 65 โต 5% ตั้งเขตเศรษฐกิจฯ ในอีอีซีอีก 6 แห่ง, ไทยรัฐ, 06 ต.ค. 2564