บล.ทรีนีตี้ มองทิศทางการลงทุนเดือน ก.ย.64 หุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงต้นเดือนจากกระแสเงินทุนไหลเข้าที่มีสัญญาณดีต่อเนื่อง รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่กลับมาจากการคลาย Lockdown และอัตราการฉีดวัคซีนที่ดีขึ้น มองกรอบดัชนีเดือน ก.ย.ไว้ที่ 1,590-1,660 จุด
แนะนำนักลงทุนที่มีเงินสดระดับหนึ่งแล้ว ให้ถือครองหุ้นในพอร์ตต่อไปได้และรอขายที่ระดับดัชนี 1,660 จุด มองว่าหากดัชนีปรับขึ้นไปถึงกรอบบน อาจได้เห็นแรงเทขายทำกำไรออกมา เนื่องจากเป็นระดับที่จะทำให้ค่า Earning yield gap ของตลาดหุ้นไทย กลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยระยะยาวอีกครั้ง บ่งชี้ถึง Valuation ของตลาดหุ้นที่ตึงตัวและเปราะบางต่อการปรับฐานในระยะสั้น
สำหรับธีมการลงทุนเด่นๆในเดือนนี้ มองว่าหุ้นใหญ่ได้เปรียบหุ้นเล็ก ทั้งในแง่ของ Liquidity, Valuation, Sentiment และความ Laggard โดยได้คัดเลือกหุ้นใหญ่น่าลงทุนมาทั้งสิ้น 15 บริษัท ที่มี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง แต่ราคายังคงต่ำกว่าราคาปิดวันที่ 11 มิ.ย. ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของดัชนีในรอบก่อนหน้านี้ แบ่งเป็น Sector ต่างๆได้ดังนี้ 1.กลุ่มพลังงานกลางน้ำและปลายน้ำ เลือกหุ้น ESSO, PTG, SPRC
2.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เลือก BBL, KBANK, TTB 3.กลุ่มไฟแนนซ์ชอบหุ้น BAM, SAWAD, TIDLOR 4.กลุ่มค้าปลีกและห้างสรรพสินค้า เชียร์หุ้น CPN, CRC 5.กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์มอง หุ้น MAJOR, PLANB เด่น 6.กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างชอบหุ้น STEC, TOA น่าลงทุน
ส่วนหุ้นที่แนะนำให้หลีกเลี่ยงในเดือนนี้ คือกลุ่มที่อิงกับการส่งออก โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรม เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ จากสัญญาณเตือนต่างๆ ที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะดัชนีภาคการผลิตทั่วโลกที่อ่อนแรงลงต่อเนื่องโดยเฉพาะยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหา Supply disruption เช่นการขาดแคลนชิป รวมถึงเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องจนอาจเริ่มส่ง
ผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันในช่วงถัดไป
รวมถึงเลี่ยงหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเพราะ Outperform ตลาด มาตั้งแต่ Covid-19 ปีก่อน และเริ่มเห็นสัญญาณการอ่อนแรงของสภาพคล่องในประเทศ
แหล่งข่าว 15 หุ้นน่าลงทุน!!, ไทยรัฐ, 02 ก.ย. 2564