บล.เอเซียพลัสออกบทวิเคราะห์ชี้ว่า COVID–19 ยืดเยื้อ–การเมืองร้อนแรง–หนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะที่สูง ทำ Downside เศรษฐกิจไทยกว้างขึ้น โดยประมาณการ GDP ไทยปี 64 Consensus ส่วนใหญ่ขยายตัวไม่ถึง 1%yoy ส่วนประมาณการล่าสุดของเอเซียพลัส คาดว่า จะขยายตัว 1.7% และจะมีการปรับประมาณการลง หลังการรายงาน GDP 2Q64 ในสัปดาห์หน้า
เป็นที่สังเกตว่า ประมาณการที่ต่ำกว่า 1% เช่น 0.7% ของแบงก์ชาติ อาจมี Downside เพิ่มเติมได้ จาก 3 ความเสี่ยง ดังนี้ 1. COVID-19 ที่ยืดเยื้อ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่จะมีแนวโน้มลดลง โดยล่าสุดมีผู้ติดเชื้อ 21,038 ราย แต่คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเผยว่า การระบาดน่าจะยังไม่ถึงจุดสูงสุด (Peak) โดยคาดว่า สถานการณ์จะอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.64 ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับการกระจายวัคซีนที่มากพอสมควร เอเซียพลัสมองว่า การระบาดอาจยืดเยื้อจะส่งผลให้การจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆยืดเยื้อตามออกไป
2.การเมืองร้อนแรง โดยสถานการณ์การเมืองไทยมีแนวโน้มร้อนแรงมากขึ้น หลังเกิดการชุมนุมบ่อยครั้งและมีภาพความรุนแรงปรากฏขึ้นประปราย โดยความไม่แน่นอนทางการเมืองที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจะบั่นทอนความเชื่อมั่นและ Sentiment ของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนในหรือต่างประเทศ, การลงทุนทางตรง (สร้างโรงงานใหม่, ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่ม) หรือการลงทุนทางอ้อม (ลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน) ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยต่อไป
3.หนี้ครัวเรือน-หนี้สาธารณะที่ค่อนข้างปรับขึ้นสูงในระยะหลังจะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้าได้ โดยไทยมีหนี้ครัวเรือนงวด 1Q64 อยู่ที่ 90.6% ของ GDP หนี้ครัวเรือนที่สูงจะกดดันการฟื้นตัวของการบริโภคครัวเรือนในอนาคตส่งผลให้การบริโภคฟื้นตัวได้น้อยลง
ส่วนหนี้สาธารณะเดือน มิ.ย.64 อยู่ที่ 56.09% ของ GDP แม้ยังต่ำกว่ากรอบหนี้สาธารณะที่ 60% แต่จ่อใกล้กรอบเพดานจะส่งผลให้การออกมาตรการเยียวยากระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐเผชิญข้อจำกัดมากขึ้น โดยเฉพาะปีงบประมาณ 65 (ต.ค.64-ก.ย.65) หากรัฐไม่ปรับเพิ่มกรอบเพดานหนี้สาธารณะ
แหล่งข่าว 3 ความเสี่ยงกดเศรษฐกิจ–หุ้น!!,ไทยรัฐ , 13 ส.ค. 2564
