Jettarin.Su
Moderator
สำหรับนักเทรดคริปโตมือใหม่ การเกิด FOMO หรือการแห่ไปซื้อเหรียญตอนราคาพุ่งนั้นถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แบบปกติอย่างมาก โดยความพยายามในการหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ซื้อ Bitcoin (BTC) หลังจากที่ราคาพุ่งไปถึง 15% จนพุ่งทะลุระดับ 12,000 ดอลลาร์ และ 13,000 ดอลลาร์ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงนั้นถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ขณะเดียวกัน นักเทรดมืออาชีพที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่นั้นดูเหมือนจะรู้ดีว่าจะรับมือกับการ FOMO นี้อย่างไร โดยข้อมูลจากกราฟด้านล่างเผยให้เห็นว่าพวกเขาเปิด Short เพิ่มขึ้นอย่างมากในวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนการพุ่งขึ้นของราคาไปแตะระดับ 12,000 ดอลลาร์
นักลงทุนส่วนใหญ่นั้นลืมคิดไปว่าการเป็นมืออาชีพที่ดีนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำกำไรให้ได้ในทุกครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือการเอาตัวรอดให้ได้ในทุกสภาพตลาด แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ก็ตาม
เมื่อราคา Bitcoin พุ่งไปแตะ 13,217 ดอลลาร์ ก็มีเม็ดเงินราว ๆ 350 ล้านดอลลาร์ที่ถูกล้างพอร์ทหายไป นอกจากนี้ข้อมูลการเปิดสัญญาฟิวเจอร์เผยว่ามันไม่ได้มีการเปิด Short ที่มากเกินไป
สัญญาแบบ Perpetual (สัญญาแบบไร้วันหมดอายุ) นั้นมีค่าธรรมเนียมที่มักจะคิดกับผู้เปิด position ในทุก ๆ 8 ชั่วโมง เมื่อการเปิด Short นั้นต้องการ Leverage มากกว่าฝั่ง Long ส่งผลทำให้อัตรา Funding rate กลายเป็นติดลบ ดังนั้นนัก Short จึงต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าธรรมเนียมแทน
นักเปิด Short เหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกบีบให้ออกจาก Position ของพวกเขาแต่อย่างใด
ข้อมูลยังเผยอีกด้วยว่านักเทรดมืออาชีพนั้นได้ Cut loss ไปตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา และพวกเขาก็ยังเฝ้ามองตลาดอยู่โดยที่ไม่คิดจะเปิด Long แต่อย่างใด โดยข้อมูลดังกล่าวนั้นได้รับการแบคไว้ด้วยอัตรา Long-to-short ratio และอัตรา premium ของนักเทรดอันดับต้น ๆ บนเว็บเทรดคริปโตหลายแห่ง
นักเทรดปิด Short แต่ก็ยังไม่อยากเปิด Long
โดยอ้างอิงจากอัตราการเปิด Long-to-short ratio บนเว็บ Huobi ข้อมูลเผยว่าปัจจุบันไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีการแห่กันเข้ามาซื้อแต่อย่างใด โดยข้อมูลบ่งชี้ว่านักเทรดอันดับต้น ๆ นั้นยังไม่มั่นใจว่าการพุ่งขึ้นของราคาในครั้งนี้จะอยู่ได้นาน แม้ว่าจะมีการปิด Short ไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม
อัตราส่วน Long-to-short นั้นเคยมีสถานะที่เป็นกลางจนกระทั่งวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมันเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่นักเทรดอันดับต้น ๆ ตัดสินใจที่จะเปิด Short เมื่อราคาของ Bitcoin พุ่งทะลุแนวต้าน 12,500 ดอลลาร์ไปแล้ว และเมื่อราคานั้นมีแนวรับที่แข็งแกร่งอย่างมาก ส่งผลทำให้นักเทรดเหล่านั้นปิด short กันอย่างมากมาย
แต่กระนั้นก็ยังไม่มีสัญญาณการเปิด Long ที่มากขึ้นบนเว็บ Huobi แต่อย่างใด โดยอัตราการเปิด Long บนเว็บเทรดดังกล่าวเคยเพิ่มขึ้นถึง 10% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับตลาด OKEx นั้นดูเหมือนว่ารูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาดูเหมือนว่าจะใกล้เคียงกัน โดยแม้ว่าการเปิด Short นั้นจะเกิดขึ้นตอนราคาพุ่งไปแตะ 12,000 ดอลลาร์ แต่ตัวชี้วัดดังกล่าวก็ยังคงเผยให้เห็นว่าตลาดยังคงมีการเปิด Short เป็นหลัก โดยเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
หากเราจะหาตัวยืนยันว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของตลาดหรือไม่ เราสามารถหาคำตอบได้ในการเฝ้าดูข้อมูล Futures contract premium โดยสัญญาเหล่านั้นมักจะถูกเทรดโดยมีอัตราพรีเมียมบนตลาดในรูปแบบต่าง ๆ
สำหรับตลาดขาขึ้นนั้น จะส่งผลทำให้นักซื้อขายฟิวเจอร์มีการผลักดันราคาให้สูงกว่าตลาด Spot โดยหากเรามาลองดูราคาในตลาด Futures ตอนนี้และพบว่าราคานั้นสูงกว่าตลาดธรรมดา ก็จะบ่งบอกได้ว่าเทรนด์ขาขึ้นนั้นยงคงอยู่
ก่อนหน้านี้มีรายงานจาก Digital Assets Data ที่เผยให้เห็นว่าตลาดฟิวเจอร์มีอัตราพรีเมียมที่สูงถึง 1.8% ซึ่งถือเป็นระดับเดียวกันกับของสามสัปดาห์ที่แล้วตอนที่ราคา Bitcoin ยังอยู่ที่ระดับ 11,500 ดอลลาร์ นอกจากนี้ข้อมูลดังกล่าวยังบ่งบอกอีกด้วยว่านักเทรดนั้นยังไม่กล้าซื้อ Bitcoin มากนัก แม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นมาถึง 13% แล้วก็ตาม
ความผันผวนโดยนัยของ Bitcoin อยู่ในช่วงขาลงในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การเคลื่อนไหวของเมื่อวานนี้ดูเหมือนจะทำให้เทรดเดอร์ประหลาดใจ Indicator เพิ่มขึ้นจาก 55% เป็น 70% ปริมาณการซื้อขายใน Options contracts (575 ล้านดอลลาร์) ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยสามเท่า
Long-to-shor ratio และ Futures contracts premium แทบจะไม่มีกิจกรรมการซื้อที่เกี่ยวข้องจากผู้ค้ามืออาชีพ การขาดความสนใจนี้ทำให้เกิด Yellow flag ข้อมูลบนเครือข่ายแสดงให้เห็นว่าเมื่อราคา Bitcoin พุ่งขึ้นสูงกว่า 13,000 ดอลลาร์ จึงมีการทำธุรกรรมสูงถึง 22% ของอุปทาน BTC ทั้งหมด
การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นสัญญาณที่เป็นไปได้ขององค์กรขนาดใหญ่ที่เตรียมขายออก อย่างไรก็ตาม เราต้องจำไว้ว่าเว้นแต่ BTC เหล่านั้นจะถูกโอนไปยัง Exchanges หรือข้อตกลง OTC ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อราคาเพียงเล็กน้อย
แหล่งข่าว 3 key metrics and disinterest from pro traders hint at Bitcoin price sell-off โดย CoinTelegraph
แปลโดยทีม TradersThailand
ขณะเดียวกัน นักเทรดมืออาชีพที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่นั้นดูเหมือนจะรู้ดีว่าจะรับมือกับการ FOMO นี้อย่างไร โดยข้อมูลจากกราฟด้านล่างเผยให้เห็นว่าพวกเขาเปิด Short เพิ่มขึ้นอย่างมากในวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนการพุ่งขึ้นของราคาไปแตะระดับ 12,000 ดอลลาร์

นักลงทุนส่วนใหญ่นั้นลืมคิดไปว่าการเป็นมืออาชีพที่ดีนั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องทำกำไรให้ได้ในทุกครั้ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือการเอาตัวรอดให้ได้ในทุกสภาพตลาด แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ก็ตาม
เมื่อราคา Bitcoin พุ่งไปแตะ 13,217 ดอลลาร์ ก็มีเม็ดเงินราว ๆ 350 ล้านดอลลาร์ที่ถูกล้างพอร์ทหายไป นอกจากนี้ข้อมูลการเปิดสัญญาฟิวเจอร์เผยว่ามันไม่ได้มีการเปิด Short ที่มากเกินไป
สัญญาแบบ Perpetual (สัญญาแบบไร้วันหมดอายุ) นั้นมีค่าธรรมเนียมที่มักจะคิดกับผู้เปิด position ในทุก ๆ 8 ชั่วโมง เมื่อการเปิด Short นั้นต้องการ Leverage มากกว่าฝั่ง Long ส่งผลทำให้อัตรา Funding rate กลายเป็นติดลบ ดังนั้นนัก Short จึงต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าธรรมเนียมแทน

นักเปิด Short เหล่านี้ก็ไม่ได้ถูกบีบให้ออกจาก Position ของพวกเขาแต่อย่างใด
ข้อมูลยังเผยอีกด้วยว่านักเทรดมืออาชีพนั้นได้ Cut loss ไปตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา และพวกเขาก็ยังเฝ้ามองตลาดอยู่โดยที่ไม่คิดจะเปิด Long แต่อย่างใด โดยข้อมูลดังกล่าวนั้นได้รับการแบคไว้ด้วยอัตรา Long-to-short ratio และอัตรา premium ของนักเทรดอันดับต้น ๆ บนเว็บเทรดคริปโตหลายแห่ง
นักเทรดปิด Short แต่ก็ยังไม่อยากเปิด Long
โดยอ้างอิงจากอัตราการเปิด Long-to-short ratio บนเว็บ Huobi ข้อมูลเผยว่าปัจจุบันไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีการแห่กันเข้ามาซื้อแต่อย่างใด โดยข้อมูลบ่งชี้ว่านักเทรดอันดับต้น ๆ นั้นยังไม่มั่นใจว่าการพุ่งขึ้นของราคาในครั้งนี้จะอยู่ได้นาน แม้ว่าจะมีการปิด Short ไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม
อัตราส่วน Long-to-short นั้นเคยมีสถานะที่เป็นกลางจนกระทั่งวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมันเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่นักเทรดอันดับต้น ๆ ตัดสินใจที่จะเปิด Short เมื่อราคาของ Bitcoin พุ่งทะลุแนวต้าน 12,500 ดอลลาร์ไปแล้ว และเมื่อราคานั้นมีแนวรับที่แข็งแกร่งอย่างมาก ส่งผลทำให้นักเทรดเหล่านั้นปิด short กันอย่างมากมาย
แต่กระนั้นก็ยังไม่มีสัญญาณการเปิด Long ที่มากขึ้นบนเว็บ Huobi แต่อย่างใด โดยอัตราการเปิด Long บนเว็บเทรดดังกล่าวเคยเพิ่มขึ้นถึง 10% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับตลาด OKEx นั้นดูเหมือนว่ารูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาดูเหมือนว่าจะใกล้เคียงกัน โดยแม้ว่าการเปิด Short นั้นจะเกิดขึ้นตอนราคาพุ่งไปแตะ 12,000 ดอลลาร์ แต่ตัวชี้วัดดังกล่าวก็ยังคงเผยให้เห็นว่าตลาดยังคงมีการเปิด Short เป็นหลัก โดยเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
หากเราจะหาตัวยืนยันว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของตลาดหรือไม่ เราสามารถหาคำตอบได้ในการเฝ้าดูข้อมูล Futures contract premium โดยสัญญาเหล่านั้นมักจะถูกเทรดโดยมีอัตราพรีเมียมบนตลาดในรูปแบบต่าง ๆ
สำหรับตลาดขาขึ้นนั้น จะส่งผลทำให้นักซื้อขายฟิวเจอร์มีการผลักดันราคาให้สูงกว่าตลาด Spot โดยหากเรามาลองดูราคาในตลาด Futures ตอนนี้และพบว่าราคานั้นสูงกว่าตลาดธรรมดา ก็จะบ่งบอกได้ว่าเทรนด์ขาขึ้นนั้นยงคงอยู่
ก่อนหน้านี้มีรายงานจาก Digital Assets Data ที่เผยให้เห็นว่าตลาดฟิวเจอร์มีอัตราพรีเมียมที่สูงถึง 1.8% ซึ่งถือเป็นระดับเดียวกันกับของสามสัปดาห์ที่แล้วตอนที่ราคา Bitcoin ยังอยู่ที่ระดับ 11,500 ดอลลาร์ นอกจากนี้ข้อมูลดังกล่าวยังบ่งบอกอีกด้วยว่านักเทรดนั้นยังไม่กล้าซื้อ Bitcoin มากนัก แม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นมาถึง 13% แล้วก็ตาม
ความผันผวนโดยนัยของ Bitcoin อยู่ในช่วงขาลงในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การเคลื่อนไหวของเมื่อวานนี้ดูเหมือนจะทำให้เทรดเดอร์ประหลาดใจ Indicator เพิ่มขึ้นจาก 55% เป็น 70% ปริมาณการซื้อขายใน Options contracts (575 ล้านดอลลาร์) ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยสามเท่า
Long-to-shor ratio และ Futures contracts premium แทบจะไม่มีกิจกรรมการซื้อที่เกี่ยวข้องจากผู้ค้ามืออาชีพ การขาดความสนใจนี้ทำให้เกิด Yellow flag ข้อมูลบนเครือข่ายแสดงให้เห็นว่าเมื่อราคา Bitcoin พุ่งขึ้นสูงกว่า 13,000 ดอลลาร์ จึงมีการทำธุรกรรมสูงถึง 22% ของอุปทาน BTC ทั้งหมด
การเคลื่อนไหวนี้อาจเป็นสัญญาณที่เป็นไปได้ขององค์กรขนาดใหญ่ที่เตรียมขายออก อย่างไรก็ตาม เราต้องจำไว้ว่าเว้นแต่ BTC เหล่านั้นจะถูกโอนไปยัง Exchanges หรือข้อตกลง OTC ซึ่งมักจะส่งผลกระทบต่อราคาเพียงเล็กน้อย
แหล่งข่าว 3 key metrics and disinterest from pro traders hint at Bitcoin price sell-off โดย CoinTelegraph
แปลโดยทีม TradersThailand