รัฐบาลประเทศต่างๆ มีการผ่อนคลายมาตรการในการเข้าประเทศมากขึ้น เช่น เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นมา ญี่ปุ่นได้อนุญาตให้นักธุรกิจและนักศึกษาต่างชาติสามารถเข้าประเทศได้ภายหลังมีการปิดประเทศมากกว่า 2 ปี ส่วนประเทศในสหรัฐและยุโรปได้ผ่อนคลายมาตรการทางสังคม เช่น การไม่ต้องใส่หน้ากากตามสถานต่างๆ เช่น ศูนย์การค้า, ร้านอาหาร, สถานศึกษา ฯลฯ ซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ช่วงที่ผ่านมาทาง ศบค. ได้มีการประกาศมติให้ปรับระดับพื้นที่ควบคุมจาก 44 จังหวัด เป็น 20 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง จาก 25 จังหวัด เป็น 47 จังหวัด พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว จาก 8 จังหวัด เป็น 10 จังหวัด ซึ่งทุกพื้นที่ยังคงปิดสถานบริการและสถานบันเทิง แต่หากปรับเป็นร้านอาหารก็สามารถดำเนินการได้
รวมทั้งมติให้สามารถจัดงานเทศกาลสงกรานต์ ปี 2565 ได้ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 โดยการเตรียมตัวก่อนร่วมงาน ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา และกลุ่ม 608 ต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์ ขณะเดินทางกลับห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และต้องประเมินความเสี่ยงของตนเอง หากพบว่ามีอาการ หรือมีความเสี่ยง ขอให้หลีกเลี่ยงเข้าร่วมงาน หรือตรวจ ATK ก่อนเดินทางหรือก่อนร่วมงานภายใน 72 ชั่วโมง
ที่เป็นมาตรการบวกต่อภาคการท่องเที่ยวมากที่สุดคือ มติการปรับให้ผู้ฉีดวัคซีนครบโดสไม่ต้องแสดงผล RT-PCR แต่ยังให้ตรวจ RT-PCR ในวันแรก ที่เข้าไทย และตรวจ ATK ในวันที่ 5 หลังเข้ามาแบบ ATK ด้วยตัวเองแล้วแจ้งผลผ่านแอปพลิเคชั่น
พร้อมกันนั้น ศบค.ยังเตรียมพิจารณาปรับลดวงเงินประกันของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในระยะต่อไป เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวถือว่าลดความยุ่งยากของนักท่องเที่ยวที่ต้องตรวจ RT-PCR จากต้นทาง และมาตรวจซ้ำในไทยวันแรก และยังต้องมีผลตรวจซ้ำวันที่ 5 ทำให้เป็นข้อจำกัดการเลือกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้
แหล่งข่าว 5 กลุ่มหุ้นคลายโควิด ท่องเที่ยว-ค้าปลีก นำรับผลดี, bangkokbiznews, 22 มี.ค. 2565