นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ บิทคับ กล่าวว่า โลกในอนาคต รูปแบบ “เงิน” จะไม่ใช่กระดาษอีกต่อไป แต่จะเป็น “ดิจิทัล” แน่นอน และด้วยระบบการเงินที่เปลี่ยนไปนี้ มองว่า “เศรษฐกิจดิจิทัล” ก็จะกลายเป็นอนาคตของเศรษฐกิจไทยในอีก 5-10ปีข้างหน้า โดยที่ “เศรษฐกิจดิิจิทัล” จะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่า เศรษฐกิจที่จับต้องได้ในตอนนี้
สำหรับโลกการเงินในอนาคต หรือ เงินยุค 3.0 ที่เป็น “ไฟแนนซ์เชียลแฟลตฟอร์ม” และ “เงินดิจิทัล” จะเข้ามาในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้นด้วย และมองว่า ดิจิทัลบาท ก็ต้องออกมาให้ไว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงโลกการเงินอนาคต ไม่เช่นนั้นเราอาจไม่ได้เป็นผู้กำหนดทิศทางในตลาด
"ในอดีตที่ผ่านมาวงการการเงิน จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของเงินทุกๆ 50 ปี และการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทุกวิกฤติ ซึ่งในยุคเงิน 1.0 เป็นเงินที่ต้องมีทองแบล็คอัพ ต่อมาเงินยุค 2.0 เป็นเทคคอมพานี ที่เข้ามาให้บริการทางการเงินมากขึ้น และจุดเริ่มต้นของบิทคอยน์ เกิดขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินปี 2552 และเรากำลังไปสู่เงินยุค 3.0 คือเงินดิจิทัล มองว่า หาก ดิจิทัล เกิดช้า อาจทำให้เราไม่สามารถเป็นหนึ่งในผู้กำหนดทิศทางตลาดการเงินในอนาคตได้"
ปัจจุบันมูลค่าตลาดคริปโทเคอเรนซี่ อยู่ที่ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับมูลค่าเงินฝากทั่วโลกกว่า 500 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น ในอนาคตตลาดคริปโทฯ มีโอกาสเติบโตอีกเท่าตัว แค่มีสัดส่วน 1 %ของเงินฝากดังกล่าว ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโทฯเท่านั้น
ขณะเดียวกันโลกอนาคคต กำลังเข้าสู่ยุคที่เราสามารถออกแบบเงินได้ สร้างฟังก์ชั่น ว่าเงินจะทำอะไรได้บ้าง โดยบิทคับกำลังขยับ ให้“เงินดิจิทัล”สามารถใช้จริงได้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ใช้ยากเข้ามาเชื่อมโยงกับเรียลเซ็กเตอร์ สร้างบริการหลากหลายรูปแบบได้อีกมากในระยะข้างหน้า และ การพัฒนาบัตรคริปโทเคอเรนซี่ ที่สามารถกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร
“มองว่า คนไทยใช้เทคโนโลยีเก่งอยู่แล้ว แต่ผู้พัฒนานั้นใครจะชนะ ตลาดจะเป็นผู้ตัดสินและหลายๆ แฟลตฟอร์มยังต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาของลูกค้าที่แตกต่างกันไป ส่วนการลงทุนในบิทคอยน์นั้นแนะว่า ต้องใช้เงินเย็นหรือเงินเสี่ยงได้ในระยะ 4-5 ปีมาลงทุนเท่านั้น เพื่อรอโอกาสเมื่อลมเปลี่ยนทิศ”
แหล่งข่าว Bitkub ชี้อีก 5-10 ปี ‘เงินดิจิทัล ’ผงาด, bangkokbiznews, 14 ก.ย. 2564