ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพเศรษฐกิจไทยปีนี้ อาจไม่ได้ดูดีเหมือนที่หลายฝ่ายคาดไว้ เหมือนปลายปี 2564 เพราะปัจจุบันเราอยู่ท่ามกลางความเสี่ยงมากมาย ที่เป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ทั้งจากความขัดแย้งรัสเซียยูเครน เงินเฟ้อ สถานการณ์โควิด-19 ฯลฯ ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หน่วยงานเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ ต้องปรับ “มุมมอง” ภาพเศรษฐกิจไทย ปี 2565 ใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกันกับ “ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)” ที่ออกมาปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปีนี้
“ยรรยง ไทยเจริญ” รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ล่าสุด EIC ได้มีการปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2565 ใหม่
การคาดการณ์ “จีดีพี” ขยายตัวต่ำลง อยู่ภายใต้ 2 ซินาริโอ ด้วยกัน กรณีแรก กรณีพื้นฐาน Base Case มองว่าจีดีพีไทยปีนี้จะขยายตัว 2.7% จากเดิมที่คาดขยายตัว 3.2% ปีนี้ ภายใต้สงครามรัสเซียยูเครน ที่คาดว่าจะยืดเยื้อและคาดจะจบได้ในครึ่งปีหลัง 2565 แต่แม้สงครามจะจบลงมองว่า การ “แซงก์ชั่น”จะยังคงมีอยู่ต่อเนื่องตลอดทั้งปี
เหล่านี้จะกดดันราคา “พลังงาน”ให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent จะอยู่ที่ 110.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่การท่องเที่ยว อีไอซี มีการปรับตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงเหลือ 5.7 ล้านคน จาก 5.9 ล้านคน หลักๆมาจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวยุโรปที่คาดช้ากว่าคาด จากผลกระทบจากรัสเซียยูเครน ส่วนเงินเฟ้อ อยู่ภายใต้การคาดการณ์ที่สูงขึ้น 4.9% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในรอบ 14 ปี
กรณีเลวร้าย (Worst Case) มองว่า สงครามรัสเซียยูเครน จะไม่จบง่าย จะยืดเยื้อออกไปมากกว่า 3-6 เดือน และมีโอกาสที่สงครามจะขยายวงกว้างสู่ประเทศอื่นๆมากขึ้น เหล่านี้จะทำให้การแซงก์ชั่นลากยาวไปถึงปี 2566
ผลกระทบที่เกิดขึ้น อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวขึ้นแรง ไปสู่ 133 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ และส่งผ่านไปสู่เงินเฟ้อให้ไปอยู่ระดับที่ 6.3% ซึ่งหากเป็นกรณีนี้ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญมาก ดังนั้นคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวเพียง 1.3%
แหล่งข่าว EIC หวั่นสงครามรัสเซีย-ยูเครนจบยืดเยื้อ ฉุดจีดีพีไทยดิ่งเหลือ 1.3%, bangkokbiznews, 30 มี.ค. 2565