ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ก.ย.64 ปิดที่ 1,635.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.23 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 92,056.38 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 716.27 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 190 บาท ลบ 1 บาท, GULF ปิด 41.25 บาท บวก 0.25 บาท, INTUCH ปิด 82.50 บาท ลบ 2.25 บาท, CPALL ปิด 61.75 บาท ลบ 0.25 บาท, AOT ปิด 60.75 บาท ลบ 1 บาท
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า สถานการณ์การเมืองที่กลับมาร้อนแรงและตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มกลับมาสูงขึ้น หลังการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ถือเป็น 2 ความเสี่ยงสำคัญ กดดัน Fund Flow ชะลอการไหลเข้า และกดดัชนีหุ้นไทยให้ย่อตัวลงได้ โดยเริ่มเห็นสัญญาณการลดความเสี่ยงของนักลงทุนต่างชาติ จากการสลับมาขายสุทธิหุ้นไทยราว 2.3 พันล้านบาท พร้อมกับกลับมา Short สุทธิสัญญา SET50 Futures ถึง 16,173 สัญญา (สูงสุดในรอบ 1 เดือน)
และถ้าลงลึกไปในปริมาณการซื้อขายในตลาด TFEX พบว่า วันก่อนปริมาณการ Short Sell เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อปริมาณการซื้อขายทั้งหมด 7.9% และสูงขึ้นราว 12% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยช่วง SET ปรับตัวขึ้น 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ ศบค.มีมติคงมาตรการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามเดิม จนถึง 30 ก.ย.64 ดังนี้ Curfew เวลา 21.00-04.00 พื้นที่สีแดงเข้ม มี 29 จังหวัด, ร้านอาหารนั่งทานได้ 50-75% และเปิดได้ไม่เกิน 20.00, ห้างสรรพสินค้า เปิดได้ไม่เกิน 20.00 ประเมินระยะสั้นอาจสร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นบ้าง แต่ระยะกลาง-ยาวเชื่อว่าภาครัฐจะเดินหน้าผ่อนคลายต่อ ส่งผลให้หุ้นเปิดเมืองยังมีโอกาสได้ Sentiment บวก เช่น CPN, CRC, BTS, BEM, CPALL
อย่างไรก็ตามสถานการณ์การเมืองยังเป็นปัจจัยที่กดดัน SET Index โดยประเมินจากปัจจัยแวดล้อมและกระแสที่เข้ามาในช่วงสัปดาห์นี้เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น เริ่มจากรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและในพรรคพลังประชารัฐที่เพิ่มขึ้น หลังมีการปลด 2 รมต.ออกจากตำแหน่ง แม้ผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ข้อสรุป คือ สภาลงมติไว้วางใจนายก และรัฐมนตรีอีก 5 ท่าน แต่คะแนนเสียงไว้วางใจนายกและรัฐมนตรี
ลดลงชัดเจนเมื่อเทียบกับในอดีต
การชุมนุมทางการเมืองที่ยังคงนัดชุมนุมต่อเนื่อง โดยจากสถิติ คือในการชุมนุมแต่ละครั้งจะส่งผลกดดัน SET Index ไม่มาก แต่หากมีความยืดเยื้อหรือมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจะทำให้ Fund Flow ไหลออก (ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงเกินเดือนละ 2 หมื่นล้านบาท)
แหล่งข่าว Fund Flow ชะลอ!!, ไทยรัฐ, 11 ก.ย. 2564