Gold Big Rally จบลงแล้ว?
การตกต่ำของราคาทองคำในสัปดาห์นี้เป็นสัญญาณว่าอยู่ในช่วงพักฟื้นหรือเผชิญกับการลดลงอย่างรวดเร็ว
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบและเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้ทองคำแท่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในต้นเดือนสิงหาคม ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งอย่าง Goldman Sachs Group Inc. และ Bank of America Corp ได้คาดการณ์ราคาที่สูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ที่ฟื้นตัวกำลังทำให้ทองตกลง
อย่างไรก็ตาม นี่คือความพ่ายแพ้เพียงชั่วคราวของแร่โลหะใช่หรือไม่? 5 ปัจจัยของทิศทางราคาทองคำในอนาคต
1. Dollar Dominance
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของราคาทองคำในขณะนี้คือค่าเงินดอลลาร์ นาย Carsten Fritsch นักวิเคราะห์จาก Commerzbank AG ระบุว่า เงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าจะกดดันทองคำ อย่างไรก็ตามนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงขยายตัวไปอีกหลายปีดังนั้น ซึ่งหมายความว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จะไม่ยั่งยืน
2. Plateauing Rates
การลงทุนทองคำในช่วงฤดูร้อนได้รับความเสียหายจากอัตราเงินคงคลังที่แท้จริงลดลงเข้าไปในแดนลบ ซึ่งตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมอัตราเหล่านี้ยังคงที่ และกระตุ้นการคาดการณ์เงินเฟ้อให้สู่จุดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ นาย Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Saxo Bank กล่าว มาตรการที่ใช้ในการกำหนดราคาของอัตราเงินเฟ้อ ร่วมกับพันธบัตรรัฐบาลลดลงตั้งแต่เดือนสิงหาคม จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ร่วมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
3. Key Milestones
การลดลงของราคาทองคำ แต่ควรให้ความต้านทานต่อราคาที่ลดลง อย่างไรก็ตาม การลดลงต่ำกว่าระดับอย่างต่อเนื่องดอาจทำให้เกิดการขายได้ ทั้งนี้ การซื้อขายทองคำในตลาดโลกซื้อขายลดลง 0.6% ที่ 1,852 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นจุดปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
4. กองทุน ETF
วิธีที่นักลงทุนชื่นชอบในการซื้อทองคำในปีนี้คือการซื้อผ่านกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน โดยหลังจากทองคำปรับตัวลดลงในวันจันทร์ โดย ETFs มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในรอบปีแม้จะมีการปล่อยขายออกไปในวันถัดไปก็ตาม นาย Georgette Boele นักยุทธศาสตร์ด้านโลหะมีค่าของ ABN Amro Bank NV กล่าวว่า หากราคาตกลงอีกก็อาจจะมีซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงอีก
5. ความผันผวนของการเลือกตั้ง
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอย่างเกี่ยวโยงไปกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนให้ความสำคัญกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเงินดอลลาร์ อัตราผลตอบแทนจากคลัง และความเสี่ยงทางการเมืองทั่วโลก
แหล่งข่าว Is Gold’s Big Rally Over? Here Are Five Key Charts to Watch โดย Bloomberg.
แปลโดยทีม Tradersthailand
การตกต่ำของราคาทองคำในสัปดาห์นี้เป็นสัญญาณว่าอยู่ในช่วงพักฟื้นหรือเผชิญกับการลดลงอย่างรวดเร็ว
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบและเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้ทองคำแท่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในต้นเดือนสิงหาคม ในขณะที่ธนาคารหลายแห่งอย่าง Goldman Sachs Group Inc. และ Bank of America Corp ได้คาดการณ์ราคาที่สูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ที่ฟื้นตัวกำลังทำให้ทองตกลง
อย่างไรก็ตาม นี่คือความพ่ายแพ้เพียงชั่วคราวของแร่โลหะใช่หรือไม่? 5 ปัจจัยของทิศทางราคาทองคำในอนาคต
1. Dollar Dominance
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของราคาทองคำในขณะนี้คือค่าเงินดอลลาร์ นาย Carsten Fritsch นักวิเคราะห์จาก Commerzbank AG ระบุว่า เงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าจะกดดันทองคำ อย่างไรก็ตามนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงขยายตัวไปอีกหลายปีดังนั้น ซึ่งหมายความว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จะไม่ยั่งยืน
2. Plateauing Rates
การลงทุนทองคำในช่วงฤดูร้อนได้รับความเสียหายจากอัตราเงินคงคลังที่แท้จริงลดลงเข้าไปในแดนลบ ซึ่งตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมอัตราเหล่านี้ยังคงที่ และกระตุ้นการคาดการณ์เงินเฟ้อให้สู่จุดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ นาย Ole Hansen หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ Saxo Bank กล่าว มาตรการที่ใช้ในการกำหนดราคาของอัตราเงินเฟ้อ ร่วมกับพันธบัตรรัฐบาลลดลงตั้งแต่เดือนสิงหาคม จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ร่วมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
3. Key Milestones
การลดลงของราคาทองคำ แต่ควรให้ความต้านทานต่อราคาที่ลดลง อย่างไรก็ตาม การลดลงต่ำกว่าระดับอย่างต่อเนื่องดอาจทำให้เกิดการขายได้ ทั้งนี้ การซื้อขายทองคำในตลาดโลกซื้อขายลดลง 0.6% ที่ 1,852 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันพฤหัสบดีซึ่งเป็นจุดปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
4. กองทุน ETF
วิธีที่นักลงทุนชื่นชอบในการซื้อทองคำในปีนี้คือการซื้อผ่านกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน โดยหลังจากทองคำปรับตัวลดลงในวันจันทร์ โดย ETFs มีความเคลื่อนไหวมากที่สุดในรอบปีแม้จะมีการปล่อยขายออกไปในวันถัดไปก็ตาม นาย Georgette Boele นักยุทธศาสตร์ด้านโลหะมีค่าของ ABN Amro Bank NV กล่าวว่า หากราคาตกลงอีกก็อาจจะมีซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงอีก
5. ความผันผวนของการเลือกตั้ง
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวอย่างเกี่ยวโยงไปกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนให้ความสำคัญกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเงินดอลลาร์ อัตราผลตอบแทนจากคลัง และความเสี่ยงทางการเมืองทั่วโลก
แหล่งข่าว Is Gold’s Big Rally Over? Here Are Five Key Charts to Watch โดย Bloomberg.
แปลโดยทีม Tradersthailand